พม.ผนึกกำลังสสส. ภาคประชาชนรณรงค์ “สุขสงกรานต์ : งดสุรา หยุดคุกคามทางเพศ”

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จับมือภาคีเครือข่ายรณรงค์ “สุขสงกรานต์ : งดสุรา หยุดคุกคามทางเพศ”เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ในกรอบ เคารพสิทธิส่วนตัว ให้เกียรติ ไม่ฉวยโอกาส และปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

Advertisement

วันที่ 7 เม.ย.60 นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) พร้อมด้วยนายบัณฑิต สอนไพศาล รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ภก. สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ผู้แทนจากกรุงเทพมหานคร และผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว โครงการรณรงค์ “สุขสงกรานต์ : งดสุรา หยุดคุกคามทางเพศ” เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ในกรอบ เคารพสิทธิส่วนตัว ให้เกียรติ ไม่ฉวยโอกาส และปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่บริเวณ ชั้น 1 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สะพานขาว กรุงเทพฯ

นายไมตรี กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทย เป็นเทศกาลที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งในครอบครัว ชุมชน และสังคม แต่ในปัจจุบันเทศกาลสงกรานต์มีการเปลี่ยนแปลงไป ในบางพื้นที่กลายเป็นเทศกาลที่เน้นความสนุกสนาน การดื่มสุรา การไม่เคารพให้เกียรติล่วงเกินสตรี ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาเช่น การทะเลาะวิวาท การคุกคามทางเพศ อุบัติเหตุทางถนน ทำให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน และมักพบการลวนลามหรือคุกคามทางเพศจากผลการสำรวจ เมื่อปี 2559 พบว่า สตรี 51.9% เคยถูกฉวยโอกาสคุกคามทางเพศในระหว่างการเล่นน้ำสงกรานต์

นายไมตรี กล่าวต่อไปว่า หลายภาคส่วนจึงมีความตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดย กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) จึงร่วมกับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดทำโครงการรณรงค์เพื่อยุติการคุกคามทางเพศในเทศกาลสงกรานต์ การสร้างกระแสให้การเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ในกรอบเคารพสิทธิส่วนตัวให้เกียรติ ไม่ฉวยโอกาส และปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายใต้โครงการรณรงค์ “สุขสงกรานต์ : งดสุรา หยุดคุกคามทางเพศ”

ในส่วนของพม.ได้ให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ดำเนินการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ สร้างกระแส ยุติการคุกคามทางเพศ ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังรับแจ้งเหตุ ร่วมกับภาคีเครือข่ายองค์กรงดเหล้าของทุกจังหวัด เพื่อประสานฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครอง รวมทั้งมอบหมายให้ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 เป็นหน่วยรับแจ้งเหตุด้วย และจัดกิจกรรมการเดินรณรงค์ ถือป้ายประชาสัมพันธ์ แจกสติ๊กเกอร์เพื่อสร้างกระแสการรับรู้ให้สังคมเกิดความตระหนัก ในวันอังคารที่ 11 เม.ย.60 เวลา 11.00 น. บริเวณถนนข้าวสาร

ด้าน ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก กล่าวว่า สสส.และภาคีเครือข่าย ได้รณรงค์กระตุ้นเตือนความปลอดภัยช่วงสงกรานต์อย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่เล่นน้ำปลอดภัยมากกว่า10ปี ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันเปลี่ยนค่านิยม เช่น เล่นน้ำที่ไม่สร้างสรรค์ เกินเลย ฉวยโอกาส อนาจาร คุกคามทางเพศ ที่สำคัญคือมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอุบัติเหตุ สะท้อนจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุทางถนน 3,447ครั้ง เสียชีวิต 442 ราย บาดเจ็บ 3,656 ราย สาเหตุอันดับหนึ่ง จากการเมาสุรา 34.09% รองลงมาคือ ขับรถเร็วเกินกำหนด 32.93% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือจักรยานยนต์ ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นกลุ่มวัยรุ่น(อายุ 15-24 ปี) สูงถึง 29.67% โดยวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงมักอยู่ในช่วงวันเล่นน้ำสงกรานต์ คือ วันที่ 13-15 เมษายน ยังไม่นับรวมปัญหาทะเลาะวิวาท ดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ขณะที่นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า มูลนิธิฯ ได้สำรวจทัศนคติผู้หญิงไทยต่อเทศกาลสงกรานต์เมื่อปี 2559 จากกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 1,793 ราย อายุระหว่าง 10-40 ปี พบว่า เกือบทั้งหมดหรือ 85.9% เห็นว่าไม่ควรฉวยโอกาสลวนลามในช่วงสงกรานต์และควรมีมาตรการควบคุมป้องกัน รวมทั้งยังพบกลุ่มตัวอย่างเกินครึ่ง คือ 51.9% เคยถูกฉวยโอกาสถูกลวนลามคุกคามทางเพศ เมื่อถามถึงเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เคยเจอบ่อยที่สุดคือ ถูกฉวยโอกาสคุกคามทางเพศ ถูกก่อกวนจากคนเมาสุรา บังคับให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปัญหาการทะเลาะวิวาท เป็นต้น เมื่อพิจารณาในกลุ่มวัยรุ่นชายกับปัญหาการลวนลามคุกคามทางเพศ ในปี 2556 พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า 43% มองว่าเป็นเรื่องปกติ เป็นเทศกาลแห่งโอกาสใครๆก็ทำกัน โดยไม่ต้องสนใจกฎหมาย

“ปัญหาการคุกคามทางเพศสงกรานต์เป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง เครือข่ายได้รณรงค์มา 5 ปีแล้ว แต่2 ปีหลัง พบว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีบทบาทออกมาพูดถึงปัญหาการคุกคามทางเพศกันมากขึ้น โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกมาพูดว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย มาในปีนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีบทบาทสำคัญ และทางกรุงเทพมหานคร ก็ออกมาร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคม มีทั้งการรณรงค์ การเฝ้าระวัง และมีศูนย์รับแจ้งเหตุเพื่อคุ้มครองผู้ถูกคุกคามทางเพศ ดังนั้น การที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาสังคมออกมารณรงค์และแก้ไขปัญหาร่วมกันจะนำไปสู่การสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมใหม่ โดยสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มาร่วมงานสงกรานต์ ทำให้การคุกคามทางเพศลดน้อยลง รวมทั้งปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย การทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคประชาสังคมถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกให้กับผู้มาเที่ยวและเล่นน้ำสงกรานต์ว่าเป็นเทศกาลแห่งความสุข ไม่ใช่เทศกาลแห่งการฉวยโอกาสของผู้ที่จะมาคุกคามทางเพศ” นายจะเด็จ กล่าว