สิ้น “พลเอกสุจินดา คราประยูร”นายกฯคนที่ 19 ตำนานแห่งการเมืองไทย!!

พลเอกสุจินดา คราประยูร นายกฯ คนที่ 19 บุคคลสำคัญแห่งการเมืองไทย ในช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เจ้าของวลีอมตะ “เสียสัตย์เพื่อชาติ” ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา สิริอายุ 91 ปี 

Advertisement

พลเอก สุจินดา คราประยูร หรือ บิ๊กสุ (ฉายาเรียกขานของสื่อมวลชน) เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2476 ที่ตำบลบ้านช่างหล่อ อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี เป็นบุตรคนเล็กของจวง กับสมพงษ์ คราประยูร มีพี่สาวสองคน โดยครอบครัวเป็นข้าราชการกรมรถไฟ สมรสกับคุณหญิงวรรณี คราประยูร (สกุลเดิม หนุนภักดี) มีบุตรด้วยกัน 2 คน ได้แก่พลเอก เจิดวุธ คราประยูร ที่ปรึกษาพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย และ เจนวิทย์ คราประยูร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัดเข้ารับการศึกษาระดับประถมจากโรงเรียนปิยะวิทยา แล้วเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนทวีธาภิเศก หลังจากนั้นเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 – 5 ที่จังหวัดหนองคาย เนื่องจากเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องย้ายไปอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่จังหวัดหนองคาย ต่อมาได้กลับเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพมหานครจนจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 ที่โรงเรียนวัดราชบพิธ แล้วได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนอำนวยศิลป์จนจบมัธยมปีที่ 8 สอบเข้าเรียนเตรียมแพทย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนได้เพียงปีเดียวก็ไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารและเข้าเรียนต่อโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หลักสูตรเวสท์ปอยต์ รุ่นที่ 5 ตามลำดับ ต่อมาได้ศึกษาต่อจนจบหลักสูตรผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่จากค่ายซิลส์ (Fort Sill’s) รัฐโอคลาโฮม่า ประเทศสหรัฐ สำเร็จหลักสูตรเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 44 เป็นอันดับที่ 1 สำเร็จการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐจากค่ายลีเวนเวิร์ธ (Fort Leavenworth)

เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย, ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุดและเป็นบุคคลสำคัญในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติที่เข้ายึดอำนาจการปกครองจากพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534

พลเอกสุจินดาได้รับพระบรมราชโองการให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของประเทศไทย ฉายา “บิ๊กสุ” เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งกล่าวว่า “เสียสัตย์เพื่อชาติ” ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนกลายเป็นวลีอมตะตำนานประวัติศาสตร์การเมืองไทยในเวลาต่อมา

นอกจากนี้ สุจินดาได้แต่งตั้งพลเอก อิสระพงศ์ หนุนภักดี เลขาธิการ รสช. ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยาตน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงถูกคัดค้านจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายกลุ่ม ร้อยตรี ฉลาด วรฉัตร อดอาหารประท้วง และพลตรี จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้นำการชุมนุมของประชาชนเพื่อเรียกร้องให้สุจินดา ลาออกเนื่องจากเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ รสช. จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศ หรือพฤษภาทมิฬ ขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 จนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และเป็นหนึ่งในการชุมนุมครั้งสำคัญที่เป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย และการเมืองโลกในเวลาต่อมา

เหตุการณ์พฤษภาทมิฬจบลงโดย พลเอกสุจินดาลาออกจากตำแหน่ งเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535  หลังในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาธิคุณให้คู่กรณีทั้งพลตรีจำลอง และ พลเอกสุจินดาเข้าเฝ้าฯ และเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดตราบจนถึงปัจจุบัน

พลเอกสุจินดา แก่อสัญกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 01:57 น. ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สิริอายุ 91 ปี 10 เดือน 4 วัน

เครดิตภาพจากโซเชียล