Beauty and the Beast ความรัก ความหวัง ความอัศจรรย์

Beauty and the Beast ความรัก ความหวัง ความอัศจรรย์

Advertisement

นี้คือความรู้สึกของผู้เขียนเมื่อพึ่งดูจบ… ความซาบซึ้งยังคงอยู่เมื่อออกจากโรงภาพยนตร์ จึงทำให้อยากเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยทันที
ตอนแรกผู้เขียนไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่บังเอิญเพื่อนร่วมงานบ่นว่าอยากไปดูเพราะที่บ้านดูกันหมดแล้ว แต่เหลือแค่นางคนเดียวที่ไม่ได้ดู เราเลยพร้อมใจกันไปดูรอบดึกที่โรงภาพยนตร์เอสพลานาด รัชดา โดยส่วน
ตัว ผู้เขียนเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มานานแล้ว ไม่ได้มีความชื่นชอบเท่าไรนัก และไม่เคยดูเวอร์ชั่น 2D แต่ผู้เขียนเคยเล่นเกม Kingdom Heart ที่เป็นเกม RPG เวอร์ชั่น Disney ใน Play2 เลยทำให้รู้แค่ว่าเนื้อเรื่องว่าน่าจะประมาณไหน

 

ก่อนที่จะเลือกดู ขอยอมรับว่าอยากดูเพราะตามกระแส และชื่นชอบในตัวเอ็มมา วอตสัน อยู่แล้ว เธอเป็นแรงดึงดูดชั้นดีในการเรียกผู้ชมเลยทีเดียว ขณะที่ผู้เขียนได้รับชมนั้น ผู้เขียนได้เห็นเงาของเฮอร์ไมโอนี่จางๆ ในบทเบลล์ที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้รู้สึกว่าทาง Disney เขียนบทเหมาะกับเธอจริงๆ
ส่วนคนไหนที่เป็นแฟนพันธ์แท้นิทานเรื่องนี้ อาจจะรู้สึกว่า ทำไมมุมกล้องมันเหมือนใน 2D เลย ซึ่งการที่จะทำให้เหมือนในเวอร์ชั่นอนิเมชันนั้น เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว แต่การที่จะถ่ายทำให้ทั้งสวยและเหมือนในเวลาเดียวกันนั้น โดยที่ผู้ชมปราศจากความคิดว่า “รู้อย่างนี้ ดู2Dก็ได้”

การที่จะไม่ทำให้ความคิดนั้นเกิดขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องยากมาก แต่ Disney ทำได้ดีเลยทีเดียว ใครจะไปรู้ ว่าการที่เอ็มมา เล่นกับฉากสีเขียวทั้งเรื่อง และตัวละครสมมุติที่ในความเป็นจริงแล้ว คือใครก็ไม่รู้ แต่เอ็มมาได้ถ่ายทอดอารมณ์ เสมือนอยู่กับเจ้าชายอสูรจริงๆ อีกทั้งใบหน้า CG ของเจ้าชายอสูรได้สื่ออารมณ์ออกมาได้อย่างไม่ติดขัด ใครจะไปนึกว่า การทำใบหน้า CG ก็สามารถสื่อความรู้สึกเหมือนมีชีวิตจริงๆได้เหมือนกัน

 

 

 

 

ผู้เขียนถือว่าหนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปจากเนื้อเรื่องดั้งเดิม มีการปรุงแต่งของบทละคร ทำให้ตัวเนื้อเรื่องดูมีที่มาที่ไปมากขึ้น การที่ Disney ยังคงความดั้งเดิมไว้อยู่ครบถ้วน แล้วปรุงแต่งเพิ่มรสชาติจนออกมาได้อย่างน่าชื่นชม ถือว่าหนังในเวอร์ชั่นนี้ สามารถดูจบแล้วรู้สึกว่า มันจบได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ #MinaTheater