“ศรีสุวรรณ”น่วม!!โดนบุกต่อยเตะกลางวงสื่อ …ผู้ก่อเหตุเผยตบสั่งสอน “รำคาญ ..มึงร้องทุกเรื่อง”!!

ประเคนK-1 ผสมมวยไทยใส่ “ศรีสุวรรณ” น่วมกลางวงสื่อ ขณะเข้าร้องเดี่ยวไมโครโฟน 13 โน้ส อุดม ชายวัย 60 ลั่น รำคาญ ..มึงร้องทุกเรื่อง ขอตบเพื่อสั่งสอนต้องยอมรับความเห็นต่าง อย่าเกินเลยไป 

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ระหว่างที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กรณีร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการจัดแสดงเดี่ยวไมโครโฟน 13 ของโน้ส อุดม แต้พานิช สนับสนุน “ม็อบทำหน้าที่แทนเรา” ผิดหรือไม่ อย่างไร

ปรากฎว่าได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น เมื่อมีชายอายุประมาณ 60 ปี เดินเข้ามาทำร้ายร่างกาย นายศรีสุวรรณทั้งชกต่อยเตะ จนตำรวจเข้ามาระงับเหตุ ก่อนนายศรีสุวรรณจะเข้าไปภายในอาคารตำรวจสอบสวนกลาง

ภายหลังทราบชื่อชายที่ทำร้ายนายศรีสุวรรณ คือนาย วีรวิชญ์ ได้ตะโกนบอกว่า “มึงร้องทุกเรื่อง” ก่อนให้สัมภาษณ์ “ผมตั้งใจ ผมคาใจหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญปมนายก 8 ปี นายศรีสุวรรณ ออกมาประกาศว่าใครชุมนุมแจ้งจับหมด ผมคนหนึ่งล่ะที่ชุมนุม ผมตั้งใจตบเพื่อสั่งสอน ผมอายุ 62 ปี ผมจะตบใครมันต้องชั่วที่สุด แม้กระทั้งตำรวจที่สนิทยังฝากผมมาตบ ตบครั้งนี้ผมขอโทษสำนักงาน ปอท. ผมมาทำตรงนี้ เพราะไม่มีโอกาสเลย ผมเฝ้ามาแอบดู มึงจะแอบไปร้องอะไรได้ ผมยอมทิ้งงาน ผมตบสั่งสอนว่าคนเห็นต่างก็มี อย่าเลียจนเกินไป ผมอายุ 62 ปี ผมจะเป็นอะไรไม่ mind ทุกคนต้องยอมรับความเห็นต่าง อย่าเกินเลยจนเกินไป ผมมาที่นี่เพื่อตบไอ้นักร้อง ให้มันหยุดร้องซักที หรือร้องสิ่งที่ควรจะร้องไม่ใช่ร้องคนเห็นต่างกันไป

อย่างไรก็ตามนายศรีสุวรรณ ได้ร้องต่อบก.ปอท. เพื่อขอให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามครรลองของกฎหมาย กรณีมีบุคคลทอล็คโชว์เดี่ยวไมโครโฟน-13 ซึ่งเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีการใช้ถ้อยคำ บางคำพูดอันอาจมีลักษณะส่งเสริมให้บุคคลร่วมชุมนุมสาธารณะที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจขัดต่อความมั่นคงของรัฐและหรือละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น และหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ประกอบ พรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 หรือไม่ อย่างไร

ทั้งนี้ บทพูดของการโชว์เดี่ยวไมโครโฟนดังกล่าว มีบางคำพูด อาทิ “วันนี้รถติดเยอะหน่อย มีม็อบไล่คนที่เราอยากจะไล่เขา ก็ให้อภัยเขาไปนะครับ ถือว่าเขาทำงานแทนเรา” นั้น จะสื่อความหมายไปอย่างอื่นมิได้ นอกเสียจากการพูดเพื่อที่จะสื่อหรือโฆษณาให้ผู้ฟังหรือผู้ชม ได้เข้าใจตรงกันว่า มีเจตนาหรือจงใจที่จะให้ทุกคนที่รับฟังและรับชมให้อภัยกลุ่มผู้ที่ออกมาชุมนุมสาธารณะที่เกิดขึ้นหลายๆครั้งเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั่น “ทำงานแทนเรา” นั่นเอง โดยที่การชุมนุมเหล่านั้นล้วนผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนข้อกำหนดใน ม.9 แห่ง พรก.ฉุกเฉิน 2548 และมีการสอดใส้การชุมนุมเป็นเรื่องการยกเลิก ปอ.112 และการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ มิใช่การชุมนุมเพื่อขับไล่ผู้นำรัฐบาลแต่อย่างใดไม่

กรณีดังกล่าวจึงไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่อย่างใด หากแต่อาจเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดต่อแผ่นดิน อาจกระทบต่อความมั่นคง และอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.84 ม.85 และหรือ ม.87 ประกอบ ม.14 แห่งพรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นด้วย และหรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมาแจ้งต่อ บก.ปอท. ให้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการตรวจสอบ สอบสวน กรณีดังกล่าวว่าเข้าข่ายความผิดอาญาต่อแผ่นดินหรือไม่ หากพบว่าเป็นความผิดให้ดำเนินการตามครรลองของกฎหมายต่อไป

ล่าสุด นายศรีสุวรรณ เปิดเผยกับ “กองบรรณาธิการSBN” ถึงความคืบหน้าของอาการว่า ยังไม่ได้เข้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แต่ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว ส่วนอาการไม่ได้หนักอะไร ตอนนี้ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจและกระบวนการยุติธรรม”