“ปาข่า” อ่อนล้าไม่อ่อนแรง 50 จว.เสี่ยง กทม.-ปริมณฑลฝนถล่มส่งท้ายเดือน 8

ปภ.เตือน 50 จังหวัด ทั่วประเทศในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ ด้าน กรมอุตุฯ เผย กทม.-ปริมณฑล เจอฝนหนักส่งท้ายสิงหาคมต่อเนื่องรับเดือนกันยายน

Advertisement

พายุลูกล่าสุด ที่ชื่อว่า “ปาข่า” ที่แม้จะอ่อนกำลังลง แต่ก็ยังมีผลให้หลายจังหวัดในประเทศอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย(มท.) ออกมากล่าวเกี่ยวกับสถาการณ์ล่าสุด ว่า “จากการติดตามสถานการณ์น้ำ สภาวะอากาศ และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร พบว่าพายุโซนร้อนปาข่าได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น และคาดว่าในวันนี้ (28ส.ค.) จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณตอนเหนือของประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับ ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ช่วงวันที่ 28 สิงหาคม – 2 กันยายนนี้จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางแห่งในทั่วทุกภาคของประเทศ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง ปภ. จึงประสาน 50 จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยแยกเป็น

 

ภาคเหนือ 13 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะลุ่มแม่น้ำกกและลุ่มแม่น้ำน่าน ซึ่งมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นและเริ่มเอ่อล้นตลิ่ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคตะวันออก 5 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 13 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส และ ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี และลพบุรี

รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยและจังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียงเตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศ เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดปริมาณฝน สังเกตการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย

 

“โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำ ที่ลาดชันเชิงเขา บริเวณริมชายฝั่งทะเลและพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาอุทกภัยให้ระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัยในช่วงฝนตกหนักสะสมในพื้นที่และช่วงเวลาที่มีน้ำทะเลหนุนสูง กรณีมีฝนตกหนักถึงหนักมากปริมาณน้ำฝนสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตรต่อวันให้พิจารณาอพยพประชาชนไปยังสถานที่ปลอดภัย หรือจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และแผนปฏิบัติการฯ แผนเผชิญเหตุของอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแนวทางการจัดการสาธารณภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากสถานการณ์รุนแรงเกินศักยภาพให้รายงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด” นายฉัตรชัย กล่าว

ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศล่วงหน้า ช่วยส่งท้ายเดือน สิงหาคม ต่อเนื่องต้นเดือนกันยายน  ระบุว่า “กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 28-30 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่

ภาพจากแฟ้มข่าว