โควิดคนติดเชื้อยอดเริ่มลดระดับลง กลุ่มสนามมวย-ผับตัวเลขต่ำ ขณะที่ยอดสะสมผู้ติดเชื้อทะลุ 2 พัน ยอดตาย 20 ราย หวั่นกลุ่ม 158 คนไทยที่สุวรรณภูมิกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงใหม่หากไม่ยอมกักตัว
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์วันนี้ (4 เม.ย.) มีผู้ติดเชื้อไวรัสสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 เพิ่ม 89 คน ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 2,067 คน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายวัย 72 ปีมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 20 ราย ส่วนบุคคลที่หายป่วยกลับบ้านได้เพิ่ม 31 คน รวมผู้หายป่วย 612 คน สำหรับผู้ติดเชื้อที่ต้องเฝ้าระวัง เป็นช่วงอายุระหว่าง 20-29 ปี
สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อที่พบเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย กลุ่ม 1 มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 33 คน จากสนามมวย 2 คน จากสถานบันเทิง 2 คน และจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 29 คน
กลุ่ม 2 ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 48 คนเป็นบุคคลเดินทางกลับจากต่างประเทศ 18 คนต่างชาติที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ 3 คนสัมผัสกับบุคคลที่เดินทางจากต่างประเทศ 7 คนไปที่ชุมชน ห้างสรรพสินค้า 5 คนอยู่ในที่แออัดสัมผัสกับชาวต่างชาติ 12 คนบุคลากรทางการแพทย์และกระทรวงสาธารณสุข 3 คน
สำหรับ บุคคลที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 158 คน (สนามบินสุวรรณภูมิ) เมื่อคืนนี้เข้าสู่กระบวนการกักตัว 6 คน และมีคนที่1ไม่ยอมให้มีการกักตัว 152 คน จึงขอให้ไปรายงานตัวที่ศูนย์ดำรงธรรมแต่ละจังหวัด ส่วนคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ รายงานตัวที่ศูนย์ปฎิบัติการภาวะฉุกเฉิน สนามบินสุวรรณภูมิ ภายใน 18.00 น. วันนี้ ก่อนที่จะถูกดำเนินคดี เมื่อรายงานตัวแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครส่วนบุคคลในครอบครัวที่ได้สัมผัสกับคนที่เดินทางจากต่างประเทศ นับเป็นกลุ่มเสี่ยง
ทั้งนี้ นพ.ทวีศิลป์ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เข้มงวดทั้งทหารและตำรวจ เพื่อติดตามบุคคลที่หลีกเลี่ยงการกักตัวที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ
ขณะที่ข้อมูลที่มีการเผยแพร่กันในโลกโซเชียลออนไลน์มีการเปิดเผยรายชื่อของกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศทัง 158 คน โดยระบุว่าเป็นการเดินทางมาจากประเทศต่างๆ ดังนี้ ผู้โดยสารขาเข้า สนามบินสุวรรณภูมิ แยกตามเที่ยวบิน 1. JL0031 จากญี่ปุ่น 73 คน 2. NH0847 จาก ญี่ปุ่น 18 คน 3. QRO832 จาก จาการ์ต้า (อินโดนีเซีย) 11 คน 4. SQ0976 จาก สิงคโปร์ 44 คน และ 5. TG0641 จาก ญี่ปุ่น 12 คน รวม 158 คน