หลังจากประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจ ผลิตและส่งออกเครื่องประดับ ในนามบริษัท คีย์ เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ด้วยสายสัมพันธ์ทางธุรกิจ และความสนิทสนมส่วนด้วย กับลูกค้าต่างชาติ บ่อยครั้งที่ต้องให้คำปรึกษา เรื่องการทำศัลยกรรมความงามในประเทศไทย
ซึ่งได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ว่ามีคุณภาพมาตรฐานโลก แต่ราคาถูก จึงได้เปิดบริษัท บิวตี้ เมด (ไทยแลนด์) จำกัด ขึ้นมารองรับ เพื่อเป็นตัวกลาง จัดหาแพทย์ และโรงพยาบาล ที่ผู้เชี่ยวชาญ ที่ตอบโจทย์ ความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างเหมาะสม และดูแลอำนวยความสะดวกในช่วงพักฟื้นในไทย และเรื่องโรงแรมที่พัก และอื่นๆ
มาย่า แอนด์ โค
หลังจากเข้าไปคลุกคลี กับความงาม ประเภท ความสวยด้วยแพทย์ มาพักใหญ่ รังสรรค์ เห็นถึงความสำคัญของการบำรุงฟื้นฟู สภาพผิว และการชะลอวัย โดยให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีความเป็นไทย จึงได้เริ่มมองหาผลงานวิจัยของไทย มาต่อยอดทางธุรกิจ ภายใต้บริษัท มาย่า แอนด์ โค จำกัด เพื่อทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ภายได้แบรนด์ โอเลสเต้ และเฟียอาเต้
โดยกว่า 80% ของผลิตภัณฑ์ โอเลสเต้ และเฟียอาเต้ จะส่งออกไปยังต่างประเทศ เพื่อเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ของไทย ทั้งนี้ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 100 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 20% ส่งออก 80%
ด้านแผนการตลาดต่างประเทศ บริษัทใช้วิธี สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศ ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศมาเลเซีย โดยขณะนี้กำลังพิจารณาตัวแทนขายในประเทศอินเดีย จีน เวียดนาม ลาว และพม่า ทั้งนี้ในช่วงแรกของการเปิดตลาด บริษัทจึงให้ความสำคัญกับตลาดอาเซียน + 9, United Arab Emirates, และ แอฟริกาใต้
แน่นอนว่าช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศ นอกจากขายผ่านช่องทาง E- Commerce ตลาดออนไลน์ แล้ว ยังผ่านเว็บไซต์ www.olesteskincare.com รวมถึงมีวางจำหน่ายในตลาดโมเดิร์น เทรด ที่ร้านสตาร์ดัส ทุกสาขา
ภาพรวมตลาดเครื่องสำอาง ในปี 2560 คาดมีมูลค่าทางการตลาด 2.65 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 92.75 แสนล้านบาทไทย (ค่าเงิน 35 บาท) โดยมูลค่าตลาดธุรกิจเครื่องสำอางในประเทศไทยมีสัดส่วนอยู่ในอันดับที่ 17 ซึ่งในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา เฉลี่ย 10-20% ต่อปี”
ส่วนแบ่งการตลาด
ดังนั้นช่องทางของการกระตุ้นยอดขาย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดความมั่นใจ จะเห็นได้จากการส่งออกที่ 80% นั้น ตอกย้ำว่าผลิตภัณฑ์ของไทยได้รับความไว้วางใจ ประกอบกับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยมีมูลค่าตลาดรวม 2.1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 60% มูลค่า ทั้งนี้เครื่องสำอางกลุ่ม สกินแคร์ ดูแลผิวหน้า มีส่วนแบ่ง การตลาดอยู่ที่ 45% ส่วนตลาดส่งออกมีสัดส่วน 40% โดยในส่วนของการส่งออก เติบโตขึ้นปีละ ประมาณ 18-20% ต่อปี และคาดว่าในปี 2563 มูลค่าตลาดรวมจะเติบโตกว่าเท่าตัว
ขณะเดียวกันหัวใจของธุรกิจ จะต้องมีการพัฒนาในผลิตภัณฑ์ ดังนั้นบริษัทได้ใช้เงินลงทุนในช่วงแรกประมาณ 30 ล้านบาท ในการสนับสนุนงานวิจัย การผลิต การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการลงทุนในการผลิตสารตั้งต้นจากธรรมชาติ เพื่อให้สารสกัดที่ได้มานั้นมีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งเป็นจุดแข็งของ แบรนด์ โอเลสเต้ และเฟียอาเต้ คือการนำผลงานวิจัยทั้งของนักวิจัยชาวไทย และต่างประเทศ ที่ได้รับการรับรองมาผลิตเป็นสินค้า ที่ระบุชัดเจน ว่าเป็นสินค้า Made in Thailand
นำงานวิจัยสู่อุตสาหกรรม
สอดคล้องกับที่ “มาย่า แอนด์ โค” ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรม และการวิจัยผลิตภัณฑ์ธรรมชาติให้ได้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิว และแก้ปัญหาเฉพาะจุดของผู้บริโภค โดยผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 2 แบรนด์คือ โอเลสเต้ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ซึ่งประกอบด้วย NANO SERUM (โอเลสเต้ นาโน เซรั่ม) ซึ่งผลิตจาดสารสกัดดอกดาวเรือง, FACIAL CLEANSER (โอเลสเต้ คลีนเซอร์) โดยสามารถทำความสะอาดผิวหน้าอย่างลึกซึ้ง ไปพร้อมพร้อมกับการบำรุงผิว, FACIAL WHITENING CREAM (เฟเชียล ไวเทนนิ่ง ครีม)
ปัจจุบันเทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง ดังนั้นธุรกิจทางด้านสุขภาพและเครื่องสำอางกำลังได้รับความนิยมและมีการตื่นตัว เห็นได้จากมีผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นใหม่มากมาย ประกอบกับชีวิตประจำวันของคนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จะดูแลสุขภาพและความงามกันมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น หากต้องการให้อาหารผิว แนะนำออร่า และ FACIAL MIST (โอเลสเต้ เฟเชียล มิส) เป็นน้ำแร่ที่มีแหล่งที่มาจากทัวร์มาลีนที่จะช่วยสร้างความชุ่มชื่นให้ผิวก่อนแต่งหน้า และสร้างความสดชื่นระหว่างวัน
แบรนด์ Fiert (เฟียอาเต้) ปัจจุบันมีสินค้าเพียง 2 ชนิด คือ Fierte UNDERARM WHITENING CREAM (เฟียอาเต้ อันเดอร์อาร์ม ไวเทนนิ่ง ครีม) บริษัทได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในการนำผลงานวิจัยสารสกัดนาโนจากดอกดาวเรือง ซึ่งผลงานวิจัยเป็นที่ยอมรับทั้งในต่างประเทศและในประเทศ
นายรังสรรค์ ทิ้งท้ายให้ฟังว่า “เรามุ่งเน้นนำผลงานการวิจัยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับการดูแลผิว ในรูปแบบของเครื่องสำอาง และใช้เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ ด้วยคุณภาพผลิตภัณฑ์ระดับสูงในราคาที่เหมาะสม และเราสร้าง แบรนด์โอเลสเต้ (O’leste ) และเฟียอาเต้ (Fierte ) ให้เป็นที่รู้จักในตลาดเครื่องสำอางระดับโลก และสร้างความภาคภูมิใจสู่นักวิจัย และสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตผลทางการเกษตร ตามนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล”
ข้อมูลเฉพาะ : ประวัติ นายรังสรรค์ ตรงฉาก
– ประธานบริษัท มาย่า แอนด์ โค จำกัด (บริษัท ดำเนินธุรกิจ – เครื่องสำอาง)
– กรรมการผู้จัดการ บริษัท คีย์ เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(เจ้าของ กิจการ ผลิตเครื่องประดับส่งออก)
– ประธานบริษัท Beauty Med (Thailand) Co.,Ltd. (บริษัท ดำเนิน ธุรกิจความสวย ความงาม)
– คณะกรรมการกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
การศึกษา
– ปริญญาตรี UNIVERSITY OF SOUTHERN COLORADO, U.S.A.MASS COMMUNICATION.
– กำลังศึกษา ศิลปศาตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม คณะ สังคมศาตร์และ
มนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
การอบรม
– Certificate of Diamond Grading (The School of Gemological Sciences)
– Certificate of Gem Indentification1 (The School of Gemological Sciences)
– Certificate of Gem Indentification2 (The School of Gemological Sciences)
– Certificate of Synthetic VS. Natural Gem Indentification (The School of Gemological Sciences)
– Director Certificate Program Class 124/2009
– หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสำหรับนักบริหารระดับสูงสถาบันประปกเกล้า (ปศส.10), ปี 2011
– หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน สถาบันวิทยาการพลังงาน (วพน. 4) ปี 2014
– หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 18 (ปปร.18) ปี 2014
– หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน (หลักสูตร วตท.) รุ่นที่ 21 ปี 2015
– กำลังศึกษา หลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่นที่ 6 ปี 2016