โพลชี้ คนหนุน “บิ๊กตู่” นั่ง นายกฯ แต่เลือก “เพื่อไทย” เป็นแกนนำรัฐบาล

“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน” (ครั้งที่ 4) ชี้คนส่วนใหญ่ อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐรัฐมนตรี แต่พร้อมเลือกพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

Advertisement

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน” (ครั้งที่ 4) โดยเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้เข้ามาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 61.63% ระบุว่า พรรคการเมืองพรรคใหม่ ๆ เพราะอยากเห็นคนใหม่ ๆ นโยบายใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ เข้ามาบริหารและพัฒนาประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ขณะที่ประชาชน 37.49% ระบุว่า พรรคการเมืองพรรคเก่า เพราะมีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ ชอบการบริหารงานแบบเก่า ๆ บริหารงานดีอยู่แล้ว การทำงานมีระบบ เคยเห็นผลงานมาแล้ว มั่นใจในผลงาน รู้จัก คุ้นเคยกับประชาชนเป็นอย่างดี มีความเข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าพรรคการเมืองพรรคใหม่

ด้านบุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (5 อันดับแรก) พบว่า อันดับ 1 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) อันดับ 2 ระบุว่าเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 3 ระบุว่าเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่) อันดับ 4 ระบุว่าเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 5 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย) และ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ (รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ในสัดส่วนที่เท่ากัน

เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล (5 อันดับแรก) พบว่า อันดับ 1 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ระบุว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ อันดับ 3 ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 4 ระบุว่าเป็นพรรคอนาคตใหม่ อันดับ 5 ระบุว่าเป็นพรรคเสรีรวมไทย

ส่วนปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ใช้ในการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 49.80% ระบุว่า เป็นบุคคลที่มีผลงานประจักษ์ ทำประโยชน์ในพื้นที่หรือต่อประเทศไทย รองลงมา 22.54% ระบุว่า ชอบพรรค/นโยบายของพรรค ที่ผู้สมัครสังกัด ขณะที่ 12.07% ระบุว่า ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว (เช่น บุคลิก หน้าตา ท่าทาง มีแนวคิดคล้ายตนเอง เป็นคนบ้านเดียวกัน เป็นต้น) ส่วนอีก 10.15% ระบุว่า ต้องการได้ ส.ส. หน้าใหม่ และ 2.32% ระบุว่า ต้องการได้นายกรัฐมนตรี ตามมติของพรรคที่ผู้สมัครสังกัด ส่วนอีก 1.52% ระบุว่า เป็นอดีต ส.ส. หรือนักการเมืองในพื้นที่ หรือเป็นญาตินักการเมืองเดิมในพื้นที่

ขณะที่ปัญหาที่อยากให้นายกคนต่อไปเข้ามาแก้ไขมากที่สุด 5 อันดับแรก พบว่า อันดับแรกประชาชนส่วนใหญ่ 41.81% ระบุว่า ปัญหาปากท้องและหนี้สินของประชาชน อันดับสอง 25.42% ระบุว่า ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ อันดับสาม 11.67% ระบุว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจโดยมิชอบ ผู้มีอิทธิพล อันดับสี่ 6.07% ระบุว่า ปัญหาการควบคุมราคาสินค้า และอันดับห้า 5.91% ระบุว่า ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม มิจฉาชีพ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้ง ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยไม่มีการเลื่อนออกไปอีก พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 52.76% ระบุว่า ไม่เชื่อมั่น เพราะยังไม่มีความพร้อม ไม่ชัดเจนในหลาย ๆ เรื่อง สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเลื่อนการเลือกตั้งมาแล้วหลายครั้งเลยทำให้ขาดความเชื่อมั่น ขณะที่ประชาชนอีก 45.16% ระบุว่า เชื่อมั่น เพราะสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ เป็นไปตามโรดแมปที่รัฐบาลวางไว้ และเชื่อมั่นในความสามารถและความพร้อมของรัฐบาล โดยมีเพียง 2.08% ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ