ศึกสายเลือดส่อเค้าปะทุ “จีนรุกไต้หวัน” กดดันจนมิตรเมิน

“ปักกิ่ง” กดดันพันมิตรของ “ไทเป” จีนแผ่นดินใหญ่ภายใต้ “นโยบายจีนเดียว” ทำให้หลายประเทศเริ่มตัดสัมพันธ์ทางการทูตในฐานะ “รัฐบาลประเทศ” ต่อไต้หวัน ซึ่งส่งสัญญาณเผชิญหน้าอีกครั้งระหว่างสองจีนในอนาคตอันใกล้นี้

Advertisement

ศึกสองมังกรส่อเค้าเดือดอีกครั้งเมื่อ  นายอเล็กซ์ หวง โฆษกประธานาธิบดีของไต้หวันให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุว่า รัฐบาลไทเป ของ “ไช่ อิงเหวิน” (蔡英文) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ประเมินถึงความเป็นไปได้และสถานการณ์ในทุกรูปแบบ ตลอดจนการสูญเสียความสัมพันธ์ทางการทูตกับทุกประเทศ

ไช่ อิงเหวิน (蔡英文) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)

ขณะที่สำนักข่าวจากประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า เอลซัลวาดอร์หนึ่งในประเทศที่ให้การยอมรับทางการทูตกับไต้หวัน หันไปสถาปนาความสัมพันธ์กับจีนแทนไต้หวัน ส่งผลให้ไต้หวันเหลือพันธมิตรทางการทูตเพียง 17 ประเทศ ลดลงจาก 23 ประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อน และ 27 ประเทศ จากเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประกาศทบทวนความสัมพันธ์กับเอลซัลวาดอร์ เนื่องจากเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงทางการทูตครั้งนี้เป็นไปอย่างไม่โปร่งใส ซึ่งส่งผลกระทบต่อนโยบายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างรัฐบาลวอชิงตันกับพันธมิตรในภูมิภาค และตำหนิรัฐบาลปักกิ่งว่า ทำลายความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ

สาธารณรัฐจีนหรือไต้หวัน ซึ่งกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับการบีบคั้นจากสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ จีนแผ่นดินใหญ่ครั้งสำคัญครั้งนี้ มาจากแผนของรัฐบาลปักกิ่งในนโยบาย “จีนเดียว” โดยจีน (แผ่นดินใหญ่) เน้นย้ำให้เห็นว่า “ไต้หวัน” เป็นเพียง “มณฑลหนึ่ง” ของจีน และอาจมีการแทรกแซงทางการทูต

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นโยบายของ “ไช่ อิงเหวิน” ประธานาธิบดีไต้หวันจาก “พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า” สะท้อนภาพของการแยกตัวเป็นเอกราชจากจีนค่อนข้างชัดเจน ขณะที่พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่ที่ปกครองไต้หวันมาอย่างยาวนานหวนกลับไปมีท่าทีประนีประนอม เกี่ยวกับแนวทางรวมชาติกับรัฐบาลปักกิ่ง

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวอาจสะท้อนถึงความรุนแรงในช่องแคบไต้หวันมากขึ้น โดยเฉพาะท่าทีตอบโต้ของรัฐบาลไทเป ต่อกรณีที่เกิดขึ้น และ ท่าทีบีบคั้นต่อไปของรัฐบาลปักกิ่งที่อาจสร้างความตึงเครียดระหว่างสองจีนในอนาคตอันใกล้นี้