สายเขียวว่าไง? “นิด้าโพล”เผยผลสำรวจ เรื่อง “กัญชา ประโยชน์ หรือ โทษ” พบกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วย -สนับสนุน ให้ใช้ กัญชา เป็นยารักษาโรคโดยถูกกฎหมายในอนาคต
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “กัญชา ประโยชน์ หรือ โทษ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16 – 17 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมาจากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการทำให้กัญชาถูกกฎหมายเพื่อการรักษาโรค การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างด้วยความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” ด้วยวิธีแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) โดยแบ่งชั้นภูมิตามภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภูมิภาคสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 95.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงการทราบหรือเคยได้ยินเกี่ยวกับประโยชน์ของ กัญชา ที่สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 68.24 ระบุว่าทราบ/เคยได้ยินร้อยละ 31.36 ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่เคยได้ยิน และร้อยละ 0.40 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับการมีกฎหมายเฉพาะให้ใช้ กัญชา เป็นยารักษาโรคโดยถูกกฎหมายในอนาคต พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 72.40 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ กัญชามีประโยชน์หลายอย่าง น่าจะใช้ในการรักษาโรคได้ ถ้านำมาใช้กับทางการแพทย์ก็คาดว่าน่าจะเกิดประโยชน์อย่างมาก ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต่างประเทศก็ทำกัน รองลงมา ร้อยละ 24.96 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะ ถ้าทำให้ถูกฎหมายจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ไม่สามารถควบคุมได้ และมีการลักลอบนำมาใช้เสพเป็นสารเสพติด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ เช่น ทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น และร้อยละ 2.64 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนว่า หากในอนาคตมีกฎหมายรับรองกัญชา เพื่อการรักษาโรคได้แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐของไทยจะ สามารถควบคุมการใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรคได้หรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 54.32 ระบุว่า ควบคุมไม่ได้ เพราะ กัญชาถูกนำไปใช้เป็นสารเสพติด อาจจะมีการลักลอบนำมาใช้เสพมากกว่าการนำมาทำเป็นยารักษาโรค และเจ้าหน้าที่รัฐบังคับใช้กฎหมายไม่จริงจัง ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา รองลงมา ร้อยละ 38.72 ระบุว่า ควบคุมได้ เพราะ น่าจะมีกฎหมายรองรับและมีแนวทางการป้องกันที่ดี เจ้าหน้าที่มีความเข้มงวด ขณะที่บางส่วนระบุว่า รัฐบาลน่าจะมีนโยบายสำหรับ การควบคุมที่เด็ดขาด และร้อยละ 6.96 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำให้ กัญชาถูกกฎหมายเพื่อการรักษาโรค พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.12 ระบุว่า กำหนดให้มีการใช้กัญชาได้เฉพาะบางสถานที่ที่ได้รับอนุญาต เช่น โรงพยาบาล เท่านั้น รองลงมา ร้อยละ 36.48 ระบุว่า กำหนดให้มี การปลูกได้เฉพาะพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ร้อยละ 29.04 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ควรบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและลงโทษขั้นรุนแรงกับผู้ที่กระทำผิด ร้อยละ 19.92 ระบุว่า สร้างความรู้/จิตสำนึกให้กับประชาชนถึงประโยชน์และโทษของกัญชา ร้อยละ 8.88 ระบุว่า นำกฎหมาย ของต่างประเทศที่กัญชาถูกกฎหมายมาปรับใช้กับกฎหมายไทย ร้อยละ 6.88 ระบุว่า การเปิดเสรีการค้ากัญชาแบบถูกกฎหมาย เพื่อการรักษาโรค ร้อยละ 1.44 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ มีการนำเสนอข้อมูลการวิจัยที่ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้กัญชาถูกกฎหมาย เพราะยังถือว่าเป็นสิ่งเสพติด และร้อยละ 3.52 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.48 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 25.36 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 18.40 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.60 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 14.16 มีภูมิลำเนา อยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 52.48 เป็นเพศชาย ร้อยละ 47.44 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 0.08 เป็นเพศทางเลือก ตัวอย่าง ร้อยละ 5.68 มีอายุ 18 – 25 ปี ร้อยละ 14.72 มีอายุ 26 – 35 ปี ร้อยละ 20.72 มีอายุ 36 – 45 ปี ร้อยละ 36.32 มีอายุ 46 – 59 ปี ร้อยละ 22.00 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ ร้อยละ 0.56 ไม่ระบุอายุ ตัวอย่าง ร้อยละ 91.76 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.44 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 1.28 นับถือศาสนาคริสต์ /ฮินดู/ซิกข์/ยิว/ไม่นับถือศาสนาใด ๆ และร้อยละ 3.52 ไม่ระบุศาสนา
ตัวอย่าง ร้อยละ 16.96 สถานภาพโสด ร้อยละ 74.96 สมรสแล้ว ร้อยละ 4.24 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 3.84 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส ตัวอย่าง ร้อยละ 27.84 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 30.24 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 7.36 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 25.28 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 5.20 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.08 ไม่ระบุการศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 11.28 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 12.56 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 18.48 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 18.16 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.64 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.56 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 1.92 เป็นนักเรียน/นักศึกษา และร้อยละ 4.40 ไม่ระบุอาชีพ ตัวอย่างร้อยละ 14.40 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 25.76 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 23.68 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 – 20,000 บาท ร้อยละ 10.72 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 – 30,000 บาท ร้อยละ 4.88 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 – 40,000 บาท ร้อยละ 7.68 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 12.88 ไม่ระบุรายได้