ชมภาพบรรยากาศ หลัง จ่าแม็ค แจ็คหม่า มาไทยพร้อมจับมืิอทีมศก. ลุบลงทุนค้าออนไลน์ ประเดิมออร์เดอร์ทุเรียนแล้ว 2 วันทะลุ 6 หมื่นลูก รองนายกฯ มั่นใจ “อาลีบาบา” ลงทุนไทยช่วยปลุกอีคอมเมิร์ซ์ –อุตฯ EEC –ท่องเที่ยว คึกคัก ย้ำ นี่ไม่ใช่การผูกขาด แต่เป็นหุ้นส่วนที่ดีสำหรับการค้าแห่งอนาคต
คึกคักกันน่าดู หลังจ่าแม็ค แจ็คหม่าเดินทางมาไทยพร้อมจับมือสามรัฐมนตรีเศรษฐกิจปลุกตลาดค้าออนไลน์ในประเทศให้กลับมามีชีวิตชีวาแบบจริงจัง พร้อมทิ้งเม็ดเงินลงทุนในประเทศไทย เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายลวี่ เจี้ยน เอกอัคราชทูตจีน ประจำประเทศไทย นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหาร Alibaba Groub พร้อมด้วยรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงานภาครัฐของไทยและบริษัทในเครืออาลีบาบากรุ๊ป เพื่อความร่วมมือลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและส่งเสริมบุคลากรไทยในการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซ

โดยระบุว่า การตัดสินใจเข้ามาลงทุนในเขต EEC ของไทย แสดงถึงความเชื่อมั่นต่ออนาคตของไทยจากบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างอาลีบาบากรุ๊บ เพราะจะทำให้ไทยเติบแบบก้าวกระโดดทวีคูณ เพราะการเข้ามาลงทุนในช่วงนี้เป็นโอกาสเหมาะสมอย่างมาก เนื่องจากขณะนี้จีดีพีกำลังฟื้นตัวและคาดว่าจะเกินร้อยละ 4 จึงเป็นโอกาสต่อการปฏิรูปด้านต่างๆง่ายขึ้น

ซึ่งไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านพัฒนาเอสเอ็มอีไปสู่เศรษฐกิจดิจิตอล จึงสามารถนำสินค้าชุมชน สินค้าเกษตรเปิดตลาดผ่านออนไลน์ได้ และก้าวไปสู่ตลาดโลก อีกทั้งไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสวยงาน อาหารอร่อย เป็นที่ต้องการของชาวจีน ชนชั้นกลางของไทยเริ่มคิดหาการสร้างโอกาสทำธุรกิจผ่านโลกยุคใหม่
นับว่าอาลีบาบา มาร่วมทุ่มเทด้วยหัวใจ เพื่อสร้างพันธมิตร ช่วยเหลือชุมชนในกลุ่มอาเซียน ไม่ได้หวังเพียงรายได้ทางธุรกิจ จากนี้ไปหมู่บ้านไหน ออนไลน์เข้าสู่แพลทฟอร์มเพื่อเปิดตลาดสู่สังคมโลก อาลีบาบา ยังพร้อมช่วยเหลือพัฒนาบุคคลากร ด้วยการตั้งสถาบันพัฒนาบุคคลากร เมื่อนำสถาบันการศึกษามาตั้งในเขตอีอีซีของไทย รายย่อยจะได้มีโอกาสเรียนรู้ คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่จะสร้างธุรกิจได้ การลงทุนทั้งโลจิสติกส์เริ่มแรกหมื่นล้านบาท และเสนอขอสิทธิ์บีโอไอด้านอื่นเพิ่มเติม พร้อมกล่าวชื่นชมถึงผู้บริหารอาลีบาบาว่า เป็นธุรกิจที่มองถึงความเป็นมิตรประเทศ ไม่ได้มองถึงแต่เพียงเรื่องของประโยชน์ที่จะได้รับเพียงอย่างเดียว โดยยกตัวอย่างทุเรียนไทย ที่ได้ขายในเว็ปไซต์ของอาลีบาบา เพียง 2 วันมียอดสั่งมากกว่า 6 หมื่นลูก
ด้าน นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหาร Alibaba Groub กล่าวว่า มองว่าไทยได้มียุทธศาสตร์ปฏิรูปอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี ไทยแลนด์4.0 การพัฒนาคนรุ่นใหม่ นับเป็นกลุ่มเป้าหมายของอาลีบาบาที่ต้องการเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านตลาดการค้าออนไลน์ ไทยมีศักยภาพทั้ง วัฒนธรรม ทะเลสวยงาม อาหารอร่อย ผลไม้หลากหลาย เมื่อรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศ นำเข้าสินค้า 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้าจึงเป็นโอกาสของเอเชียส่งสินค้าไปยังจีน เพราะคนระดับกลางที่มีกำลังซื้อจะเพิ่มจาก 300 ล้านคน เพิ่มเป็นอีกหลายร้อยล้านคน ไทยจึงมีโอกาสส่งออกสินค้า ข้าว ผลไม้ อย่างเช่นทุเรียน ออกไปสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น

อาลีบาบาไม่ขอรับสิทธิ์ประโยชน์พิเศษใดๆจากรัฐบาลเป็นกรณีพิเศษ แต่ต้องการให้สิทธิ์กับผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไป ยอมรับว่าสงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจกำลังเกิดขึ้น แต่ในส่วนของการดำเนินธุรกิจของอาลีบาบา ต้องการมุ่งไปสู่โลกเสรีการค้า ไม่มีการปกป้องคุ้มครองเอกชนของตนเอง
อาลีบาบาไม่ได้มุ่งหวังเข้าไปผูดขาดการค้าในประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะความร่วมมือกับไทย มาเลเซียแล้ว ยังเดินหน้าไปสร้างพันธมิตรกับแอฟริกกา อเมริกาใต้ มุ่งแสวงหาประเทศที่มียุทธศาสตร์สอดคล้องหรือมีเคมีตรงกันกับอาลีบาบา ที่ต้องการสร้างคนรุ่นใหม่ พัฒนาเทคโนโลยี ยอมรับว่านอกจากธุรกิจการค้าแล้ว ยังมุ่งศึกษาวิจัยรถยนต์แบบไร้คนขับ เพราะยุคปัจจุบันผู้คนอาศัยอยู่ในรถนานขึ้น จึงต้องอำนวยความสะดวกรองรับการทำงาน หรือใช้งานในรถยนต์ให้มีความสะดวก
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ไทยได้เตรียมนำสินค้าโอท็อบ สินค้าเอสเอ็มอีคุณภาพ วางจำหน่ายบนเว็บไวต์ jmall ของจีน เพราะมีผู้ลูกค้าชาวจีนทั่วโลกถึง 650 ล้านคน เป็นชาวจีน 500 ล้านคน ส่วนที่เหลือเป็นชาวจีนโพ้นทะเล 150 ล้านคน นับว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มาก เมื่อเชื่อมโยงตลาดผ่านออนไลน์ จะมีศักยภาพส่งออกสินค้าไทยเพิ่มขึ้น กระทรวงพาณิชย์จึงพร้อมขยายไปยังสินค้าผลไม้อื่นเพิ่มเติม

ขณะที่ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การลงนามของอาลีบาบา ร่วมกับหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย โครงการลงทุนสร้างศูนย์ Smart Digital Hub ลงทุนในพื้นที่ EEC เพื่อเป็นศูนย์ประมวลข้อมูลโลจิสติกส์รองรับขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีน ข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และไปยังที่อื่นทั่วโลก โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรรองรับการส่งเสริมธุรกิจผ่าน E-Commerce โดยอาลีบาบาจะร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มุ่งพัฒนากลุ่มคนเก่ง หรือดาวเด่นด้านดิจิทัล (Digital Talent) โดยอาลีบาบาเสนอให้วิทยาลัยธุรกิจอาลีบาบา นำ Platform E-Commerce มาใช้อบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการไทย

และโครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการ Startup ระดับชุมชนทั่วประเทศ รวมถึง อาลีบาบา เตรียมร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำ Thailand Tourism Platform บนออนไลน์เชื่อมโยงข้อมูลทางการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวชุมชน
คาดว่ารายได้จากธุรกิจอีคอมเมิรซ์จะเติบโต 113,400 ล้านบาท ในปี 2561 เพิ่มเป็น 186,500 ล้านบาท ในปี 2565 หลังเตรียมเดินหน้าลงทุนในเขตอีอีซี กว่า1.8 แสนล้านบาท กระทรวงด้านเศรษฐกิจของไทย ทั้งอุตสาหกรรม พาณิชย์ คลัง บีโอไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมกันพัฒนาผู้ประกอบการ SME และ Startup ของไทย เพื่อพัฒนาไปสู่ตลาดโลก