รู้ไว้ใช่ว่า “อุโมงส่งน้ำใหญ่-ยาวสุดในประเทศ” กรมชลฯ เร่งรัดให้เป็นไปตามแผนงาน ช่วยสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในเรื่องน้ำได้อย่างยั่งยืน
กับอีกหนึ่งโครงสร้างทางวิศวกรรมที่ถือว่าใหญ่และยาวที่สุดในประเทศไทย ที่ดำเนินการโดย กรมชลประทาน “อุโมงค์ส่งน้ำ อ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีการเจาะอุโมงค์ส่งน้ำที่ใหญ่และยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งของการเชื่อมสองอ่างเก็บน้ำ คือ “ช่วงอ่างเก็บน้ำแม่งัดฯ-อ่างเก็บน้ำแม่กวงฯ”
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า “กรมชลประทาน เร่งดำเนินงานโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ ให้แล้วเสร็จตามแผนงานภายในปี 2564 ซึ่งการดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าว จะมีการขุดเจาะอุโมงค์ส่งน้ำแบ่งเป็น 2 ช่วง ด้วยกันคือ ช่วงที่ 1 การขุดเจาะอุโมงค์ส่งน้ำช่วงอ่างเก็บน้ำแม่งัดฯ-อ่างเก็บน้ำแม่กวงฯ และอาคารประกอบ ระยะทาง 22.975 กิโลเมตร ปัจจุบันสามารถขุดได้ระยะทาง 4,713 เมตร คิดเป็นความก้าวหน้าร้อยละ 27 ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการขุดเจาะอุโมงค์ส่งน้ำช่วงลำน้ำแม่แตง-อ่างเก็บน้ำแม่งัดฯ และอาคารประกอบ ระยะทาง 25.624 กิโลเมตร ปัจจุบันสามารถขุดได้ระยะทาง 647 เมตร คิดเป็นความก้าวหน้าร้อยละ 10

สำหรับการขอใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในการดำเนินโครงการฯ นั้น การก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำทั้ง 2 ช่วง จะใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติรวมกันประมาณ 745 ไร่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้อนุมัติให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จะเหลือเฉพาะพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีลานนา จำนวนประมาณ 229 ไร่ อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี เห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
“เมื่อโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำแม่กวงอุดมธาราแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้เฉลี่ยปีละประมาณ 160 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้ในการเกษตร อุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และรักษาระบบนิเวศ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการส่งน้ำของพื้นที่ชลประทานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จำนวน 175,000 ไร่
และเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกช่วงฤดูแล้งของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง จำนวน 14,550 ไร่ และยังช่วยสนับสนุนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรม ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน จากปีละ 13.31 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 49.99 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งยังจะเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการจัดการน้ำในลุ่มน้ำปิงตอนบน ซึ่งกรมชลประทานจะนำระบบโทรมาตรและระบบเตือนภัยน้ำท่วมมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำและเตือนภัยจากน้ำหลากที่เกิดขึ้นล่วงหน้าอีกด้วย”อธิบดีกรมชลประทานกล่าว