“ธนาคารเซเว่นฯ” เป็นไปได้จริงมั้ย?ก.คลังเห็นงามตามธปท.เตรียมอนุญาต

ชัดแล้วยกธนาคารไปไว้ในเซเว่น ก.คลังเผยเห็นด้วยธปท.ออกใบอนุญาต ให้บริษัทเอกชนดำเนินธุรกิจ “Banking Agency” อ้าง E-Payment ไทยแลนด์ 4.0 ท่ามกลางเสียงบ่นและคำถามถึง จากโลกโซเชียล กรณี “เอื้อนายทุน” ทำคนตกงาน รายย่อยล่มสลาย

Advertisement

และแล้วเรื่องของ  “แบงค์กิ้งเอเย่นต์” ก็ทำท่าว่าจะได้ว่าที่ธนาคารแห่งใหม่แล้ว หลังแพลมๆ ออกมาว่า ร้านสะดวกซื้ออย่าง “เซเว่นอีเลฟเว่น” ในเครือซีพีฯ ขาใหญ่จะได้ไป ซึ่งก็ไม่น่าตื่นเต้นอะไร เมื่อนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “กรณีที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เตรียมออกใบอนุญาต ให้ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดบริการรับฝากเงิน ถอนเงินกับประชาชน ทางกระทรวงคลังเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้รับฝากถอนเงิน เพราะปัจจุบันประชาชน ถอน โอนเงินฝากมือถือมากขึ้นอยู่แล้ว

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง (เครดิตภาพ Ekkarat Alami)

ดังนั้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น เนื่องจากการขออนุญาติจาก ธปท. กำหนดให้บริษัทเอกชนดำเนินธุรกิจ “แบงค์กิ้ง เอเย่นต์” (Banking Agency) ต้องมีคุณสมบัติในหลายด้าน ทั้งจำนวนเงินทุนตั้งสำรองดำเนินธุรกิจ จำนวนสาขา บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และหากเอกชนรายใดไม่พร้อม จะไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นบริการทางการเงิน

อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบาย E-Payment อำนวยความสะดวกบริการทางการเงินให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ขณะที่แบงก์รัฐ หรือธนาคารอื่นต้องปรับตัวรองรับบริการลักษณะดังกล่าวด้วยเช่นกันในยุคไทยแลนด์ 4.0”

แม้ว่าก่อนหน้านี้ ทางธปท.จะออกมาพูดถึงหลักเกณฑ์ของการเป็น “แบงค์กิ้งเอเย่นต์” ที่ครอบคลุมรวมไปถึง โชห่วย หรือ ร้านสะดวกซื้อที่มีความพร้อมในด้านการทำธุรกรรมการเงิน แต่แล้วเมื่อมองจากความพร้อมจริงๆ ก็ต้องยอมรับความจริงว่า คงเหลืออยู่เพียงไม่กี่เจ้าที่จะมีความพร้อมขนาดที่เปิดได้ 24 ชั่วโมง มีสาขา และมีบุคลากรพร้อม และเซเว่นฯ ก็เป็นเจ้าใหญ่ในขณะนี้ที่มีความพร้อม

และแม้ว่าหลายฝ่ายโดยเฉพาะในโลกโซเชียลที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงตั้งคำถามเกี่ยวกับ กรณีนี้อาจมีการ เอื้อประโยชน์ที่ให้นายทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่  และเป็นที่มาของการ “ตกงาน” รวมถึงการ “ล่มสลายของร้านค้ารายย่อย” อย่าง “โชห่วย” หรือไม่?   แต่ที่สุดแล้วคงอาจจะเป็น เรื่องของความอำนวยความสะดวกและการสนองนโยบายรัฐบาล (ไทยแลนด์ 4.0 และ ดิจิทัลอีโคโนมี) ซึ่งก็เป็นการมองในมุมมองที่ต่างกันออกไป ซึ่งก็อยู่ที่ใครจะมองในมุมไหน

ภาพประกอบข่าวจากแฟ้มข่าว