“ยิ่งยง” เจอคุก 20 ปี กับคำถามที่ตามมาในโลกโซเชีัยล “ทำไมโทษจึงหนัก?” แล้ว “ขายตรงกับแชร์ลูกโซ่ต่างกันยังไง? และจะระวังป้องกันตัวอย่างไรไม่ให้เสียรู้เสียเงิน เรื่องนี้มีคำตอบ
ก็ยังคงเป็นที่สงสัยสำหรับนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” และพวก หลังศาลจังหวัดมีนบุรี ได้พิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก 20 ปี ในคดีทำธุรกิจฉ้อโกงประชาชน ว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร และเหตุใดนักร้องลูกทุ่งจึงต้องรับโทษที่ถือว่า “หนัก” ในครั้งนี้
จากจุดเริ่มต้นของธุรกิจของ “ยิ่งยง” ในนาม “บริษัท แทนคุณแผ่นดิน จำกัด” เป็นธุรกิจประเภท “ขายตรง” ในสินค้าประเภท “ปุ๋ย” แบรนด์ “บัวหรรษา” โดยมีนักร้องลูกทุ่งชื่อดังถูกกล่าวหาว่าอาจจะเป็นผู้บริหาร กับเป้าหมายของการสร้างผลตอบแทนมหาศาลให้กับผู้เข้าร่วม ทั้งเรื่องของ รายได้สูงสุดกว่า 2 ล้านบาท ค่าคอมมิชชั่น หรือแม้แต่วิธีการขาย จนทำให้มีประชาชนหลายคนเข้าร่วมธุรกิจนี้ของบริษัทที่บริหารโดยนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง

และยังมีการอ้างถึงธุรกิจ ที่เติบโต และมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างแพร่หลาย โดยระบุว่า ปลายปี 2554 ตัวผลิตภัณฑ์มียอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 28,000 กระสอบ และมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 500 คน มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ และศูนย์กระจายการขาย 48 อำเภอ 1 ศูนย์ต่อ 1 อำเภอ
แต่ทำไม “ยิ่งยง” จึงมีโทษสถานหนักถึงขนาด “จำคุก 20 ปี” และศาลไม่รอลงอาญา
เรื่องนี้มีคำตอบ “เกิดผล แก้วเกิด” ทนายชื่อดัง เล่าให้ฟังถึงที่มาของอัตราโทษคดีของนักร้องลูกทุ่งชื่อดังกับทีมข่าว SBN ว่า “ในส่วนของธุรกิจของนักร้องลูกทุ่งชื่อดังคงไม่ทราบรายละเอียด แต่หลายคนที่สงสัยว่าทำไมคดีนี้จึงมีโทษสูง ซึ่งปกติข้อหาฉ้อโกงประชาชน จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี แต่ที่ต้องมีโทษจำคุกถึง 20 ปี ก็อาจเพราะว่าเป็นคดีที่อาจมีผู้เสียหายหลายคน และแจ้งความในคนละคดี เป็นหลายกรรม เมื่อรวมแล้วแต่ละคดียกตัวอย่างว่า คดีแต่ละคดีมีโทษคดีละ 2 ปี แต่พอมีหลายคนก็หลายปี แต่ศาลลงโทษได้สูงสุด เพียง20 ปี

“สมมุติว่าผู้เสียหายมี 15 คน 15 คดี ลงโทษคดีละ 2 ปี ก็จะเท่ากับ 30 ปี แต่ลงโทษสูงสุดได้แค่ 20ปี ตามข้อหาฉ้อโกงประชาชน” ทนายเกิดผลกล่าว
ส่วนเรื่องราวของธุรกิจขายตรง ซึ่งเป็นที่มาของการดำเนินคดีและมีโทษจำคุกสูงถึง 20 ปีในครั้งนี้ของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “พิสิฐ แทนทิว” สื่อมวลชนอาวุโส และผู้มีประสบการณ์ด้านธุรกิจขายตรง เปิดเผยกับทีมข่าว SBN ว่า “ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เรื่องนี้เป็นมุมมองส่วนตัวที่เข้าใจว่า ธุรกิจที่กำลังเป็นกระแสของนักร้องลูกทุ่งชื่อดังหลังต้องโทษจำคุกถึง 20 ปี นั่นน่าจะมาจากการเน้นไปที่เรื่องของการให้เข้ามาลงทุน คือชวนคนมาลงทุนเยอะๆ ซึ่งถ้ามองจากโทษของคดีที่ตัดสินโดยศาลก็อาจจะมีที่มาแบบนี้
คือเดิมทีอาจจะทำในเรื่องของธุรกิจขายตรงทั่วๆ ไป ก็เป็นปกติ แต่อาจจะมีไปมีการเน้นให้มีการเข้ามาลงทุน และโฆษณาประชาสัมพันธ์หรือมีข้อตกลงเกี่ยวกับผลตอบแทน ตรงนี้คือจุดพลิกจากขายตรงไปเป็นเรื่องอื่น ที่เป็นได้ทั้งเรื่องของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ หรือเข้าข่ายระดมทุนแบบผิดกฏหมาย ซึ่งคดีของนักร้องลูกทุ่งชื่อดังเข้าใจว่า คงเกิดจากบรรดาแม่ทีมหรือผู้เสียหายไปแจ้งความ ซึ่งน่าจะเป็นกรณีเดียว คือไม่จ่ายปันผลให้ตามโฆษณาหรือตามข้อตกลง” สื่อมวลชนอาวุโสด้านขายตรงกล่าว

นอกจากนี้ “สื่อมวลชนอาวุโส” ยังแนะนำให้แยกระหว่าง “ขายตรง” กับ “แชร์ลูกโซ่” แบบง่ายๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่คิดจะเข้าร่วมธุรกิจ และประชาชนทั่วไปอีกว่า “ขายตรงคือการขยายเครือข่ายหาคนมาซื้อสินค้า ก็เช่นเดียวกันกับแชร์ลูกโซ่ หรือเครือข่ายซึ่งก็หาคนมาเข้าร่วม แต่จะต่างตรงที่เจตนาซึ่งมองง่ายๆ ว่า ขายตรงจะหาคนมาซื้อสินค้า หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า และเน้นที่ตัวสินค้า ถ้าใครก็ตามชวนให้ไปขายตรง แล้วต้องลงทุนกันรหัสละเป็นหมื่นเป็นแสน และเน้นให้หาเครือข่ายมาลงทุนเพิ่มมากๆ ก็คงต้องชั่งใจและพิจารณาให้ดี
เรื่องนี้จะตรวจสอบอย่างไร ตรวจสอบผ่าน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)ได้หรือไม่? คำตอบคือ แค่ในเบื้องต้น เพราะธุรกิจนี้แม้จะมีการจดแจ้งแล้วก็ตาม แต่ก็อาจจะไปทำธุรกิจที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมการตรวจสอบกับสคบ.อาจแค่เบื้องต้น แต่ลึกลงไปแล้วต้องสังเกตุและตรวจสอบเอง ซึ่งบอกได้เลยว่าเรื่องของแชร์ลูกโซ่ เรื่องของขายตรงนี่ ยังคงมีอยู่ และจะเป็นเรื่องเป็นราวอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้วเป็นข่าวหรือไม่เท่านั้น ฉะนั้นทางที่ดีที่สุด ควรตรวจสอบให้ละเอียดด้วยวิจารณญาณไว้ก่อนที่จะลงทุนหรือเป็นสมาชิกจะเป็นวิธีป้องกันตัวที่ดีที่สุด”
เน้นย้ำว่าเรื่องนี้ยังอาจมีเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ และหลายคนก็กำลังอยู่ในความเสี่ยง หรือตัดสินใจจะเสี่ยง กรณี “ยิ่งยง” เป็นเพียงเรื่องเดียวในหลายๆ เรื่องที่กำลังดำเนินไปอยู่ในขณะนี้ เส้นทางสู้การระดมทุนผิดกฏหมายหรือแชร์ลูกโซ่ กับอีกหลากหลายวิธีที่จะทำให้ต้องตกเป็นเหยื่อ รู้เท่าทัน หมั่นสังเกตุ หรือปรึกษานักกฏหมาย นี่เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะป้องกันตัวจากการตกเป็นเหยื่อ