Pi Daily Technology ในสหรัฐฯปรับลงอาจกระทบ DELTA แต่เชื่อว่าผลกระทบหุ้นไทยจำกัด

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 398 จุด (-0.8%) จากแรงขายหุ้น Technology โดยเฉพาะกลุ่ม AI ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.2% นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด

Advertisement

เมื่อคืนที่ผ่านมามีผลสำรวจออกมาจาก Challenger Gray ที่รายงานว่าบริษัทในสหรัฐฯ ประกาศลดตำแหน่งงานในเดือน ต.ค. มากถึง 1.5 แสนตำแหน่ง (ขยายตัว 3x เทียบกับปีก่อนและสูงสุดตั้งแต่ปี 2003) ซึ่งช่วงผ่านมาเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯลดพนักงานลง (Target , Amazon , UPS) เมื่อประกอบกับราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาต่อเนื่องจึงเห็นแรงขายในหุ้น Technology ของสหรัฐฯ (NVIDIA -3.6% META -2.7% AMD -7.3%) เม็ดเงินไหลกลับไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง Bond ของสหรัฐฯ กดดันให้ Bond Yield ปรับลงและค่าเงิน Dollar กลับมาอ่อนค่า สำหรับหุ้น Tech ในสหรัฐฯยังเชื่อว่าเป็นเพียงการปรับลงระยะสั้นมากกว่าด้วยกำไรที่ยังมีแนวโน้มเติบโต ประเมินว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับปัจจัยนี้มากกว่า อย่างไรก็ตามความเสี่ยงแรงงานเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาเพราะหากการบริโภคทยอยลดลง ท้ายที่สุดเชื่อว่าจะกระทบกับบริษัทจดทะเบียน แม้จะอยู่ในกลุ่ม Tech คืนนี้รอติดตามตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 53 สำหรับปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรใหม่ๆ นักลงทุนรอติดตามผลประกอบการ 3Q25 อย่างวานนี้พบว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้า IT อย่าง SPVI ประกาศรายได้ขยายตัวได้มากถึง 40%YoY ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเปิดตัวของ iPhone 17 ซึ่งก็น่าจะดีกับหุ้นในกลุ่มใกล้เคียงอย่าง COM7 SYNEX CPW SIS สะท้อนถึง Demand ในสินค้า IT ที่ยังโดดเด่น วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1300 – 1320 เชื่อว่า SET INDEX จะ Outperform ตลาดหุ้นทั่วโลกเพราะจากสถิติช่วงที่หุ้น Technology ปรับลง SET INDEX มักปรับลงน้อยกว่าหรือบางครั้งพบว่าดัชนีกลับแกว่งในแดนบวกได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า SET มีหุ้น Technology สัดส่วนน้อย (ระยะสั้น DELTA อาจกดดัน) แต่เชื่อว่าเงินจะไหลไปยังกลุ่ม Defensive , Domestic Play ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นอาจเลือก Trading ในกลุ่มโรงพยาบาล (BDMS) ค้าปลีก (BJC CPALL CPAXT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC)

CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
คาดเห็น แนวโน้มการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วง 4Q25 มีทิศทางดีขึ้นกว่าช่วง 3 ไตรมาสแรก รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ขณะที่ระยะสั้นคาดรายงานกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 2.3 พันล้านบาท (+6%YoY, +1%QoQ) หนุนจากยอดขายที่โต 3%YoY

SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146.00 บาท)
คุณภาพสินเชื่ออาจอ่อนแอลง SCB เพิ่มความระมัดระวังด้วยการตั้งสำรองหนี้ฯ พิเศษรวม 3 พันลบ. ใน 9M25 รองรับความผันผวน และอาจพิจารณากลับเป็นรายได้ในอนาคตหากสถานการณ์คลี่คลายลง

#ข่าววันนี้ #หุ้น