ทีเอสเอ็ม กรุ๊ป คว้ามาตรฐาน VIVE Programme รายแรกในเอเชียสำหรับผลิตภัณฑ์ Ethanol และ Bio- CO₂ ในเวลาเพียง 2 ปี สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ทั้งใน-ต่างประเทศ

ทีเอสเอ็ม กรุ๊ป ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการเป็นผู้ผลิตรายแรกในเอเชียที่ผ่านการรับรองจาก VIVE Sustainable Supply Programme ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ เอทานอลจากอ้อย​ และ​ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ชีวภาพ (Bio- CO) ​ภายในเวลาเพียง 2 ปี ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับหลัก ESG พร้อมต่อยอดกลยุทธ์เศรษฐกิจหมุนเวียน​ชีวภาพ (Bio Circular Green Economy) ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ

Advertisement

ดร.กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกำกับองค์กร บริษัท น้ำตาลไทยอุดรธานี จำกัด (ในเครือทีเอสเอ็ม กรุ๊ป) ผู้ประกอบธุรกิจโรงงานผลิตน้ำตาล เอทานอล และพลังงานไฟฟ้า​ชีวมวล​และก๊าซชีวภาพ เปิดเผยว่า บริษัทได้รับมาตรฐาน VIVE ระดับ Claim Level ในธุรกิจเอทานอลจากอ้อย และคาร์บอนไดออกไซด์ชีวภาพ (Bio- CO₂) จากการพัฒนาระบบดักจับก๊าซในการผลิตเอทานอล ซึ่งนับเป็นผู้ผลิตรายแรกในเอเชียที่ได้รับการรับรองในทั้งสองผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้ โปรแกรม VIVE Programme เป็นมาตรฐานความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานระดับนานาชาติที่พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง Czarnikow Group Limited (CGL) บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานซึ่งมีประสบการณ์กว่า 160 ปี ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และพลังงาน ร่วมกับ Intellync เพื่อยกระดับห่วงโซ่ธุรกิจทั่วโลกให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยครอบคลุมตั้งแต่เกษตรกร ผู้ผลิต ไปจนถึงผู้ใช้งานปลายทางในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ขณะเดียวกัน การที่ ทีเอสเอ็ม กรุ๊ปได้รับการรับรองมาตรฐาน VIVE ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างเป็นระบบ โดยให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า พร้อมยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ตลอดจนส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรและชุมชนโดยรอบตามเจตนารมณ์ของบริษัท

“ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงยืนยันว่าเราพร้อมเติบโตไปพร้อมกับการรักษาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม แต่ยังช่วยสร้างคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน อีกทั้งมาตรฐาน VIVE ยังเป็นแต้มต่อสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและคู่ค้าที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนดร.กนกวรรณ กล่าว