“โกลเบล็ก” มองราคาทองเดือนตุลาคมพุ่งต่อ นักลงทุนแห่ถือสินทรัพย์ปลอดภัย หลังเฟดส่งสัญญาณหั่นดอกเบี้ย

บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินราคาทองคำเดือนตุลาคมมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ จากแรงหนุนความคาดหวังที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนตุลาคม หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐยังซบเซา ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับใกล้เคียงกับคาดการณ์ จึงให้กรอบราคาทองคำ 3,900-4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากหลุดแนวรับชะลอการลงทุนเพื่อประเมินสถานการณ์รอบใหม่

Advertisement

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ จากความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมประจำวันที่ 28-29 ต.ค.นี้ เนื่องจากการจ้างงานสหรัฐยังคงซบเซา โดยเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ภายสิ้นปีนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2570 ขณะที่เงินเฟ้อใกล้เคียงกับคาดการณ์ และยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

โดยทางธนาคารกลางของประเทศในกลุ่ม BRIC โดยเฉพาะจีน เดินหน้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องเพื่อกระจายความเสี่ยงในระบบทุนสำรอง ลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า การส่งออกทองคำจากสวิตเซอร์แลนด์ไปยังจีนในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นถึง 254% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม สะท้อนแนวโน้มการสะสมทองคำที่ยังคงดำเนินต่อไป

ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้เริ่มปิดการดำเนินงาน หรือ ชัตดาวน์ อย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งจะเป็นการปิดหน่วยงานรัฐบาลครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี และครั้งที่ 3 ภายใต้การบริหารของ ปธน.ทรัมป์ ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และส่งผลกระทบต่อตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ อาทิ ตัวเลขการจ้างงาน ตัวเลขเงินเฟ้อที่จะประกาศในช่วงกลางเดือนนี้ ไม่สามารถประกาศได้ ทำให้แนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีความไม่แน่นอน

ส่วนสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้า ยังมีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด จีนประกาศเก็บภาษีเพิ่มเติมสำหรับเส้นใยแก้วนำแสงที่นำเข้าจากสหรัฐฯ หลังการสอบสวนพบว่าบริษัทสหรัฐฯ พยายามเลี่ยงมาตรการต่อต้านการทุ่มตลาด สร้างความกังวลต่อนักลงทุนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศ และยังเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) เก็บภาษีศุลกากรจากอินเดียและจีนในอัตราสูงสุดถึง 100% เพื่อตอบโต้การที่ทั้งสองประเทศยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ขณะเดียวกัน EU เตรียมมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบที่ 19 พร้อมเพิ่มความช่วยเหลือแก่ยูเครน โดยทรัมป์ยังโพสต์ข้อความใน Truth Social ระบุเหตุผลที่สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสูงถึง 50% ต่ออินเดีย เนื่องจากถูกเอาเปรียบมาโดยตลอด และประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษีศุลกากร 100% จากยาที่มีแบรนด์หรือสิทธิบัตร โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ยกเว้นบริษัทที่ตั้งโรงงานผลิตในสหรัฐ

นอกจากนี้ความไม่แน่นอนของสงครามการค้ารอบใหม่ และความไม่แน่นอนของปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียไม่เคยคัดค้านการที่ยูเครนจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) และเขาคิดว่ายังคงเป็นไปได้ที่จะหาฉันทามติในประเด็นการรับประกันความมั่นคงของรัสเซียและยูเครน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือเป็นปัจจัยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ปี 2568 ปรับขึ้นแล้วกว่า 16% ส่งผลให้นักวิเคราะห์เตือนนักลงทุนให้ระวังแรงขายทำกำไรในระยะสั้น ดังนั้นคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำในเดือนตุลาคมนี้จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 3,900-4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยหากราคาหลุดแนวรับที่ระดับล่างของกรอบดังกล่าว นักลงทุนควรชะลอการลงทุนเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

#ราคาทอง #ราคาทองวันนี้ #ข่าววันนี้ #ราคาทองรูปพรรณ