กลุ่มธุรกิจ TCP เดินหน้ากระชับความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน เข้าร่วมงาน “Thailand–China Cooperation Expo 2025” มหกรรมที่รวมผู้ประกอบการและพันธมิตรจากสองประเทศ โดยกลุ่มธุรกิจ TCP ได้นำ “เรดบูล” เครื่องดื่มให้พลังงานยอดนิยม พร้อมเรื่องราวความก้าวหน้าในตลาดจีนมาจัดแสดง สะท้อนความแข็งแกร่งของแบรนด์ไทยที่ครองใจผู้บริโภคชาวจีนกว่า 30 ปี และตอกย้ำบทบาทในการเชื่อมโยงความร่วมมือเศรษฐกิจไทย–จีน ควบคู่การเติบโตของตลาดและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
ภายในงาน กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้บุกเบิกและเจ้าของแบรนด์ “เรดบูล” ในประเทศจีน ได้นำผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษที่จัดทำเพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน มาจัดแสดง ไฮไลต์ ได้แก่ Red Bull® Vitamin Flavor Drink รุ่น “Nine Dragons Got Your Back” บรรจุภัณฑ์ลายพิเศษที่ร่วมมือกับพระราชวังต้องห้ามเฉลิมฉลองปีมังกร และ Red Bull 50th Sino-Thai Edition ที่ผสานลวดลาย “มังกร” และ “พญานาค” อันเป็นสัญลักษณ์ของสองชาติ พร้อมด้วยเครื่องดื่มเรดบูลที่วางจำหน่ายจริงในตลาดจีน เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองชิมและสัมผัสประสบการณ์ของเรดบูลอย่างใกล้ชิด
นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP, รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย กล่าวว่า “การเข้าร่วมงาน ‘Thailand–China Cooperation Expo 2025’ ถือเป็นเวทีสำคัญที่ตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตลอด 50 ปี และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนร่วมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแท้จริง ผมภาคภูมิใจที่ได้นำ ‘เรดบูล’ ก้าวไปสู่ตลาดจีนในฐานะแบรนด์คุณภาพของไทย ซึ่งสะท้อนถึงพลังความร่วมมือของไทย–จีนในมิติเศรษฐกิจ การลงทุน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และก้าวต่อไปเราจะมุ่งสร้างการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขยายความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ และผลักดันการเติบโตที่สมดุลระหว่างธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน”
การเติบโตในจีน ผ่าน “เรดบูล” แบรนด์เครื่องดื่มให้พลังงานที่ครองใจผู้บริโภคจีนมากว่า 30 ปี
กลุ่มธุรกิจ TCP เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มให้พลังงาน “เรดบูล” หรือที่ผู้บริโภคชาวจีนรู้จักในชื่อ “หงหนิว” ได้เข้าสู่ตลาดจีนตั้งแต่ปี 2536 นับว่าเป็นผู้บุกเบิกที่สร้างความแพร่หลายให้กับเครื่องดื่มให้พลังงานในประเทศจีน อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานมายาวนานกว่า 30 ปี โดยเริ่มจากการก่อตั้งฐานการผลิตเรดบูลแห่งแรกในมณฑลไห่หนาน และขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน เรดบูลครองตำแหน่งแบรนด์เครื่องดื่มให้พลังงานที่ได้รับความนิยมสูงสุด และได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในจีน ความสำเร็จนี้เกิดจากการรักษาคุณภาพและรสชาติ ตลอดจนริเริ่มนวัตกรรม เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์เรดบูลในบรรจุภัณฑ์ขวด PET เป็นรายแรกในจีน รวมถึงการเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภค ล่าสุดได้จัดงาน “Very Thai – Dian Feng Music Festival 2025” ต่อเนื่องปีที่ 3 ร่วมฉลองวาระ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน ยกทัพศิลปินและวัฒนธรรมร่วมสมัยของไทยไปสร้างสีสัน นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP ยังเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้ากว่า 2,000 เครื่องหมาย ใน 72 ประเทศทั่วโลกที่เข้าไปทำตลาด โดยในจำนวนนี้เป็นการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศจีนสูงถึง 340 รายการ ทั้งหมดนี้สะท้อนภาพลักษณ์ที่ทันสมัย ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และตอกย้ำการเป็นผู้นำของ “เรดบูล” ในตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานจีนได้อย่างแข็งแกร่ง
ลงทุนระยะยาวในจีน เสริมความแข็งแกร่งทั้งธุรกิจและความร่วมมือสองประเทศ
กลุ่มธุรกิจ TCP จะยังคงเดินหน้าลงทุนระยะยาวในจีนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 กลุ่มธุรกิจ TCP ได้ก่อตั้งสำนักงานใหญ่ ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจในตลาดจีน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนสะสมแล้วกว่า 21,000 ล้านบาท โดยในปี 2566 กลุ่มธุรกิจ TCP ได้ก่อตั้งฐานการผลิตเรดบูลแห่งใหม่ในมณฑลเสฉวน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตความเร็วสูงแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบและคลังสินค้าอัตโนมัติสามมิติ มีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 1.44 พันล้านกระป๋องต่อปี ในปีเดียวกันยังมีการก่อตั้งฐานการผลิตแห่งที่ 3 ณ เขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีกว่างซี-อาเซียน (Guangxi ASEAN Economic and Technological Development Zone) ในมณฑลกว่างซี ซึ่งเริ่มเดินสายการผลิตเมื่อต้นปี 2568 ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มธุรกิจ TCP ในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและบทบาทของภาคเอกชนไทยในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย–จีนได้อย่างเป็นรูปธรรม
การเข้าร่วมงาน “Thailand-China Cooperation Expo 2025” ของกลุ่มธุรกิจ TCP จึงไม่เป็นเพียงการร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ของสองชาติ แต่ยังเป็นเวทีเชื่อมโยงมิตรภาพและความร่วมมือเชิงเศรษฐกิจระหว่างไทย–จีน พร้อมตอกย้ำบทบาทการเป็นหนึ่งองค์กรในการสร้างโอกาสใหม่ สานต่อความร่วมมือ และผลักดันความสัมพันธ์สองประเทศให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต