เหยียบหัวเกินไปมั้ย?กัมพูชาฟ้องศาลโลกวันชนะพระวิหาร!! “ฮุน มาเนต”โพสต์โซเชียล รบ.ไทยยังนิ่ง

ตบหน้ากันไปมั้ย? “ฮุน มาเนต” โพสต์โชวว์เอกสารพร้อมระบุ กัมพูชายื่นศาลโลก ขอแก้ไขข้อพิพาทชายแดนไทย-เขมร ท่ามกลางการประชุม JBC ของทั้งสองฝ่ายที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ด้านรัฐบาลไทยยังไม่มีการตอบโต้ใดๆ กับกรณีดังกล่าว มีเพียงรองโฆษกแถลงในนามพรรคเพื่อไทยย้ำ ไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก 

Advertisement

ความคืบหน้าล่าสุด ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee)  หรือที่เรียกว่าการประชุม JBC โดยมีตัวแทนทั้งฝ่ายไทย และกัมพูชาเข้าร่วมที่กรุงพนมเปญ แต่ล่าสุด พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กลับโพสต์ข้อความในหัวข้อ “กัมพูชาเลือกกฎหมายระหว่างประเทศและสันติภาพ” ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อขอแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต

ถือเป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อ 63 ปีที่แล้ว วันที่ 15 มิ.ย. 1962 เป็นวันประวัติศาสตร์ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหาร แม้ว่าทั้งสองเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นห่างกัน 63 ปี แต่เจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ กัมพูชาเลือกวิธีแก้ไขปัญหาโดยสันติโดยอาศัยกฎหมายระหว่างประเทศผ่านกลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่ที่ปัญหามีความซับซ้อนมากและมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการปะทะด้วยอาวุธ และที่กลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไข เช่นกรณีปราสาทพระวิหารเมื่อกว่า 60 ปีที่แล้ว และพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกตในปัจจุบัน

พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

กัมพูชาต้องการเพียงความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความชัดเจนในการกำหนดเขตแดนและขอบเขตกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อที่คนรุ่นหลังของเราจะไม่มีปัญหากันอีกต่อไป ขอให้เพื่อนร่วมชาติของเราไว้วางใจรัฐบาลกัมพูชาในความพยายามที่จะดำเนินงานนี้ด้วยความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบที่เข้มแข็ง เพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา และเพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติและประชาชนกัมพูชา” พล.อ.ฮุน มาเนต ระบุไว้ในเพจเฟสบุ๊ค

อย่างไรก็ตามยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการตอบโต้จากรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการนำกรณีปัญหาชายแดนขึ้นสู่ศาลโลกโดยฝ่ายกัมพูชา มีเพียงคำแถลงจาก นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวประจำสัปดาห์ (ในนามของพรรคเพื่อไทย)  เรื่องความสัมพันธ์ประเทศไทยและกัมพูชา โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยย้ำความสำคัญของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC เป็นกลไกหลักร่วมไทย-กัมพูชา ใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ โดยมีหลักการเจรจาและการเคารพในอธิปไตยซึ่งกันและกัน แม้ว่าการประชุม JBC ครั้งล่าสุดจะยังไม่สามารถนำไปสู่การยุติปัญหาถาวรได้แต่เป็นสัญญาณที่ดี สำหรับทั้งสองฝ่ายที่ยังพร้อมที่จะใช้เวทีการเจรจาแทนการใช้ความรุนแรง

พรรคเพื่อไทย ขอเรียกร้องให้สนับสนุนกระบวนการ JBC อย่างต่อเนื่องเพราะนี่คือเวทีทางการทูตที่ปลอดภัยที่สุดในการแก้ไขปัญหาชายแดน เราหวังว่าความพยายามนี้จะนำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เหมือนเดิมในปี 67 ซึ่งเป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชามีเสถียรภาพ รัฐบาลไทยได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าเพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงทางพลังงาน ระบบเศรษฐกิจ จึงเป็นการบริหารที่รอบคอบที่ไม่ใช่การยั่วยุ พรรคเพื่อไทย ขอยืนยันอีกครั้งว่า เราสนับสนุนแนวทางรัฐบาลที่อดทน ไม่ตอบโต้ และยึดมั่นการเจรจาแบบทวิภาคี และขอย้ำจุดยืนว่า เราไม่ยอมรับการใช้เขตอำนาจศาลระหว่างประเทศมาตัดสินปัญหาเขตแดนของชาติไทย ซึ่งต้องย้ำอีกครั้งว่า กระบวนการของศาลระหว่างประเทศ จะไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากประเทศไทยก่อน”

ขณะที่ความคืบหน้าในการประชุม JBC ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามผลการประชุมร่วม แต่ว่าไม่เป็นการเปิดเผยว่ามีประเด็นใดบ้าง โดยนายฬำ เจีย ประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา ระบุสั้นๆ ว่า การประชุม 2 วันนี้ ดำเนินการไปอย่างราบรื่น ส่วนการแถลงผลการประชุมจะให้โฆษกการประชุมแถลงในภายหลัง”