ผ่านพ้นไปแล้วกับการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่รอบนี้ได้ผู้ชนะรายใหม่ อย่าง เบอร์ 2 น้ำ วาริน ชินวงศ์ ที่ฟอร์มทีมภายใต้สีเสื้อค่ายน้ำเงิน “ภูมิใจไทย” พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร อดีต ส.ส. อดีตผู้สมัครส.ส. และอดีตผู้สมัคร นายกอบจ. รวมถึงสจ.หลายท่าน
ขณะที่ฝั่งเบอร์ 1 แชมป์เก่า นายกต้อย กนกพร เดชเดโช ที่ชิงลาออกก่อนหมดวาระ ได้แบ็กอัพอย่าง แทน ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีฯ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เท่ห์ พิทักษ์เดช เดชเดโช ส.ส.นครศรีฯ และทีมส.ส.ปชป. นครศรีฯ ยกแผงเป็นตัวช่วย ผนวกกับทีมสจ.อีกเกือบทั้งสภาฯ รวมพลัง พร้อมด้วยกระสุนดินดำเต็มที่
แต่ก็ไม่อาจต้านทานกระแส “เปลี่ยน” ที่ถูกปลุกขึ้นมา ผ่านการนำโซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นตัวช่วย ที่แทบไม่ว่าจะเลื่อนฟีดหน้าแอพ Facebook หรือ TikTok ไปทางไหน ก็จะเห็นผู้สมัครที่ใช้กลยุทธ์ห่ำหั่นกันด้วย IO อวตาร และอินฟูลเอนเซอร์
เหล่านี้สะท้อนว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ที่ต้องขอตำหนิว่ายังไม่เปลี่ยนแปลงคือ ระบบราชการ เพราะไม่มีวี่แววของการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆได้รับทราบถึงการเลือกตั้ง นายกอบจ.อย่างทั่วถึงตั้งแต่วันแรกที่จัดให้มีการเลือกตั้ง
บางคนยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มี ผู้สมัคร 4 คน 4 เบอร์ เพราะตลอดเวลาคนนครฯเขาคิดว่ามีแค่2 เบอร์ คือ 1 และ 2ที่น่าตกใจคือมารู้เอาวันสุดท้าย ขณะจะลงคะแนนเสียงเพราะเปิดดูที่ป้ายหน้าคูหา เรียกว่างานนี้ “ประชาสัมพันธ์จังหวัด” และ “กกต.นครศรีธรรมราช” สอบตก อ่อนประชาสัมพันธ์ หรือจงใจ เพราะเพิ่งจะตื่นตัว ออกมาประชาสัมพันธ์ใน 7 วันสุดท้าย ว่ามีผู้สมัครรับเลือกตั้ง 4 เบอร์ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ทั้ง 2 หน่วยงานต้องกลับไปทบทวนการทำงานเสียใหม่ เพราะอย่าลืม ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง เรากำลังนำ “ภาษีประชาชน” มาใช้อยู่
ย้อนกลับมาที่เรื่องการเลือกตั้งที่กูรูการเมือง มองว่า ทีมที่มีกระสุนเต็มอัตราศึก จะสามารถฝ่าวงล้อม “น้องน้ำ” ไปได้ แต่แล้วยกปลาย “กระแสเปลี่ยน” กลับทำให้ “กระสุนด้าน” ผนวกกับการอ่อนประชาสัมพันธ์ของราชการ จึงทำให้คะแนน “กระแสเปลี่ยน” ของน้องน้ำ ไม่แตกแถว เพราะคนรู้ว่ามีแค่ 2 เบอร์ เมื่อไม่ใส่อีกเบอร์ เบอร์ที่รออยู่จึงงเป็นทางเลือก
กูรูท่านหนึ่งได้กล่าวแสดงความคิดเห็นอย่างน่าสนใจว่า เมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง อีกฝั่งเริ่มเปิดฉากยิง ด้วยตัวเลข 200 ก่อนโดนกระแสตีกลับ “ค่า” ของคนนคร มันแพงกว่านั้น ขณะที่อีกฝั่งก็ใช่ว่าจะไม่มีกระสุน แถมอาจเป็นการทุ่มทุนหมดหน้าตัก ทุบหม้อข้าว ออกรบก่อนเข้าไปกิน…ในเมือง ด้วยทีมผู้บริหารแบ็กอัพระดับ “เสือโหย” เล่นลงทุนใหญ่ บนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่มความ “ซื่อสัตย์สุจริต” แล้วก็แสดงอิทธิฤทธิ์ แจกหลักพันในโซนที่ทีมมั่นใจใส่เป็นคะแนนได้แน่
นี่จึงเป็นการตีแผ่ว่า “เมืองนคร เมืองแห่งธรรมะ เมืองนักปราชญ์” แห่งนี้ ไม่เคยหนีพ้นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้อีกครั้ง การเลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีฯ ครั้งนี้จึงไม่อาจเรียกว่า “บริสุทธิ์” ได้อย่างแท้จริง ระวังคนคอนอาจต้องตกอยู่ในสภาพ “หนีเสือปะจระเข้” ก็เป็นได้
Cr. คนแปลกหน้า