สัมผัสธรรมชาติและหมู่ประการังใกล้เพียงเอื้อมมือ 

สถานที่ดำน้ำตื้นหรือสน็อกลิ้งยอดฮิตที่รู้จักกันโดยทั่วไปที่ทุกคนนึงถึงคง หนีไม่พ้น หมู่เกาะ พีพี จังหวัด กระบี่ หรือเขยิบเข้าใกล้กรุงเทพฯกว่านั้นหน่อยที่เกาะช้าง จังหวัดตราด แต่วันนี้เราจะพาทุกท่านเดินทางไปใกล้กว่านั้นโดยใช้ระยะเวลาขับรถเพียงสามชั่วโมงจากกรุงเทพฯ 

Advertisement

หากพูดถึงจังหวัดระยองใครๆก็คงนึกถึงเกาะแก้วพิสดารหรือเกาะเสม็ดที่หลายๆคนรู้จักเรียกได้ว่าเป็นเกาะสววรค์ใกล้กรุง หรือหาดสวนสนชายหาดสุดชิลรับลมทะเล แต่ใครจะรู้ว่าที่จริงแล้ว ในบริเวณใกล้ๆ กันนี้ยังมีเกาะอีก สี่เกาะที่สามารถนั่งเรือเที่ยวได้ในแบบ one day trip ที่เริ่มต้นขึ้นเรือตั้งแต่ 10.00 น และกลับเข้าฝั่งตอน 16.00 น

One day trip ที่ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกันในวันนี้เริ่มต้นจากการขึ้นเรือสปีดโบ้ทของรีสอร์ทที่อยู่บริเวณหาดสวนสน โดยใช้ระยะเวลาเดินทางประมาน 20- 30 นาที ก็จะถึงเกาะมะขาม เป็นเกาะแรก ที่คนขับเรือจะปล่อยให้เราได้ทดลองลงน้ำกันโดยใช้ระยะเวลาราวๆ 20 นาที จากนั้นใช้เวลาแล่นเรืออีกไม่เกิน 10 นาทีก็จะถึงเกาะกรวยที่อยู่ใกล้ๆกันโดยคนขับเรือจะจอดลอยอยู่กลางน้ำ แล้วให้เราลงดำดูปะการังต่างๆหรืออาจจะว่ายไปเกาะโขดหินถ่ายรูปเล่นแต่ขอแนะนำว่าอย่าทำเลยครับ เพราะเดี๋ยวจะได้รอยหอยบาดกลับมาโดยไม่จำเป็น

จุดถัดไปก็จะไปแวะทานข้าวกลางวันที่ทางทัวร์จัดเตรียมไว้ให้ ที่เกาะกุฎี บนเกาะกุฎีนี้จะเป็นเกาะเดียวในบริเวณ 4 เกาะที่มีที่พักโดยสามารถติดต่อสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ได้เลย

ที่เกาะกุฎีนี้ทุกท่านจะได้พบกับหาดทรายขาวและน้ำทะเลใสสุดลูกหูลูกตา แต่ในส่วนของการดำน้ำเราจะไปเน้นกันที่เกาะทะลุซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้าย เกาะทะลุนั้นก็ทะลุสมชื่อเมื่อคนขับเรือพาเราไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมก็จะเห็นรูทะเลเป็นเลขหนึ่ง (1) และพาไปแวะจอดที่ชาดหาดด้านหน้าหรือด้านข้างแล้วแต่โอกาสจะอำนวยและใช้เวลาอยู่ที่เกาะทะลุ จนถึงเวลากลับ ที่เกาะทะลุนี้ ผมแนะนำให้ไปนอนอาบแดดบนชายหาดที่อยู่ทางด้านข้างของเกาะที่มีคนน้อยกว่าแทน แต่หากอยากดำน้ำดูประกระรังสวยๆ อยู่ใกล้ชิดกับปลามากมาย ทางด้านหน้าหาดที่มีหาดกว้างและแนวทุ่นเป็นขอบเขตชัดเจนกว่า

ด้วยเหตุที่เกาะทั้งสี่เกาะที่ได้พูดถึงไปแล้วนั้นยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักหาดทรายและแนวปะการังจึงยังมีความเป็นธรรมชาติและดูมีชีวิตชีวาน้ำทะเลก็ยังใสอยู่มาก แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนจนอยากวอนให้ผู้เกี่ยวข้องหรือไกด์ทัวร์ต่างๆดูแลเพิ่มขึ้นในเรื่องของการเก็บขยะอย่างขวดน้ำพลาสติกกลับมาทิ้งบนชายฝั่งให้เรียบร้อย รวมไปถึงการให้อาหารปลาจนทำให้ธรรมชาติสูญเสียสมดุลของมันไป นักท่องเที่ยวอย่างเราๆก็ควรจะไปเที่ยวธรรมชาติเพื่อกลมกลืนกับธรรมชาติ และอยู่กับธรรมชาติอย่างที่มันเป็นมากกว่าไปรบกวนมันให้เป็นแบบที่เราอยากให้มันเป็น

สนนราคาต่อทริปก็จะอยู่ราวๆ 690 – 1200  แล้วแต่ฤดูกาลและเจ้าของทัวร์ที่ท่านเลือกใช้ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปเที่ยวก็ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน จนถึง พฤษภาคม