ออกแนวเคืองๆ ? คอการเมืองคาดเหตุโดนปรับแบบลดเกรด”ปานปรีย์” อดีตรองนายกฯ รมว.ต่างประเทศหมาดๆ ในครม.เศรษฐา 1/1 ประกาศลาออกทันควัน หลังประกาศปรับครม.ลงเผยแพร่ในเว็ปไซต์ราชกิจจาฯได้มานาน จนนายกฯ ต้องเร่งลงมาชี้แจงขอโทษทันควัน
หลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาออกเผยแพร่ประกาศรัฐมนตรีพ้นตำแหน่ง และแต่งตั้งรัฐมนตรี (ปรับครม.) หรือที่เรียกกันว่า การปรับครม.เศรษฐา 1/1 โดยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียวไม่ได้ควบรมว.คลัง และไม่ได้ควบรมว.กลาโหม ตามการปรับครั้งล่าสุด
โดยภายหลังการประกาศครม.ในราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ผ่านเว็ปไซต์ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ (ตำแหน่งเดียว) ในครม.เศรษฐา 1/1 ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี แจ้งขอลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ โดยระบุว่า “มีความประสงค์จะขอลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ และทุกตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่ 28 เม.ย.”
ทั้งนี้ในหนังสือลาออกของนายปานปรีย์ระบุตอนหนึ่งว่า “สาเหตุของการปรับผมออกจากรองนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ผมเชื่อว่าไม่เกี่ยวกับผมไม่มีผลงานแน่นอน“ จากนั้นได้บรรยายว่าตัวเขาทุ่มเทการทำงานด้านต่างประเทศ และเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างไร มีผลงานอะไร”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้สร้างความกังขาให้กับคอการเมืองเป็นอย่างมาก เนื่องจากการลาออกดังกล่าว เกิดขึ้นหลังประกาศในราชกิจจาฯ เพียงไม่นาน ซึ่งต่อมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณี นายปานปรีย์ ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตนเองเคารพในการตัดสินใจของนายปานปรีย์ ส่วนตัวรู้จักกันมามากกว่าหลายสิบปี ลูกก็เป็นเพื่อนกัน มีความรักชอบกันเป็นอย่างดี แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็เคารพในการตัดสินใจ ยอมรับว่าหนังสือลาออกของนายปานปรีย์ ถูกเผยแพร่ทางสื่อก่อนที่จะถึงตนเอง เป็นเพราะความไม่พอใจหรือไม่ ในเรื่องนี้ตนเองขอพูดเป็นองค์รวมมากกว่า เมื่อมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่หรือคณะรัฐมนตรีต่าง ๆ เชื่อว่ามีคนที่พอใจและไม่พอใจ มีสมหวังและไม่สมหวัง ดังนั้น จึงอยากโฟกัสในสิ่งที่มีความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงานร่วมกันตลอด 7 – 8 เดือนมากกว่า ซึ่งงานที่ทำมาถือเป็นประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และเชื่อว่ารัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่แทนจะมาสานต่อในเรื่องที่ดี ๆ
นายกฯ กล่าวยอมรับว่า ได้ส่งข้อความถึงนายปานปรีย์ ในกลุ่มงานต่างประเทศ ซึ่งได้ขอโทษ หากทำให้ไม่สบายใจในเรื่องใด และขอขอบคุณที่ช่วยงานกันมา ทั้งนี้ การปรับคณะรัฐมนตรี ได้มีการแจ้งและเชิญรัฐมนตรีมาพูดคุยกัน ซึ่งนายปานปรีย์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ได้เชิญมาพูดคุยและขอไม่เปิดเผย เพราะเป็นการพูดคุยกันระหว่างบุคคลสองคน ตนเองมั่นใจว่า ได้พูดสิ่งไหนไปและตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรีก็มีความชัดเจนในเรื่องที่บอกกล่าวสิ่งไหนไป หลังจากนี้จะนำรายชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็จะทำหน้าที่ดูแลกระทรวงการต่างประเทศก่อน ตามการมอบหมายงานของคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีบุคคลใหม่ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ทาบทาม เพราะต้องมีการตรวจสอบจากคณะกรรมการคัดกรองเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติ จึงไม่อยากบอกออกไปก่อน เพราะอาจจะสมหวังหรือผิดหวังได้ ทั้งนี้ ต้องเคารพในกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ที่มีมา และยืนยันว่าตนเองเข้าใจว่ารัฐมนตรีหลายคนที่สมหวัง และอาจจะไม่พอใจ แต่ยืนยันว่าตนเองรับผิดชอบในเรื่องนี้ และก็ต้องมีการพูดคุยกัน
ส่วนจะเป็นคนนอกพรรคหรือคนในพรรคที่จะมาแทนตำแหน่งนั้น นายกฯ ระบุว่า พูดลำบาก แต่บุคคลนี้อยู่ในแวดวงการทูตและการเมืองมาก่อน โดยอยู่เบื้องหลังการทำงานของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด และจิตวิญญาณยึดโยงพี่น้องประชาชน ส่วนกรณีที่นายปานปรีย์ ระบุเหตุผลลาออกว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จำเป็นต้องควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็มีเหตุมีผล แต่หลายหน่วยงานก็ต้องมีการประสานการทำงานร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันก็มีรองนายกรัฐมนตรี 6 คนแล้ว และเชื่อว่าก็เพียงพอ หากทุกกระทรวงต้องควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีก็คงเป็นไปไม่ได้ ตนเองไม่อยากมานั่งอธิบายอะไรมาก เพราะบางรัฐบาลก็ไม่มีรองนายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่ตนเองจะอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือผลักดันงานต่าง ๆ ที่ต้องประสานข้ามกระทรวง และทุกคนก็ทำงานเป็นทีมได้ ดังนั้น การควบรองนายกรัฐมนตรีจึงอาจไม่จำเป็น แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล ซึ่งรัฐบาลนี้ก็มีวิถีการทำงานที่แตกต่างกันไป แต่ขอให้ยึดโยงเป็นมิตร และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ย้ำหากทำผิดหรือทำสิ่งใดไม่พอใจ ได้ขอโทษไปแล้ว อาจเป็นเรื่องของความเห็นต่าง แต่ทั้งหมดนี้ตนเองก็รับผิดชอบ และจะดำเนินงานต่อไปด้วยจุดมุ่งหมายคือเอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
ซึ่งเกี่ยวกับการลาออกของนายปรานปรีย์ในครั้งนี้หลายฝ่ายเชื่อว่าอาจเกิดจากการปรับครม.ในรอบนี้เป็นไปแบบถูกลดเกรด โดยปรับจากรองนายกฯ เหลือเพียงรมว.ต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว ซึ่งในทางการเมืองถือว่าเป็นการลดความสำคัญในการทำงานลง