ทัพด้อมส้มรวมพลกระโจนสู่ “นิติสงคราม”ปมร้อน”พิธา”หุ้นไอทีวี ท่ามกลางข้อกังขาของสังคมถึง กกต.-ศาลรธน.

“พิธา”หุ้นไอทีวี สู่นิติสงคราม ลามทัพด้อมส้มเคลื่อนไหว กับเสียงสะท้อนจากสังคมกรณีกกต.ส่งต่อศาลรธน.เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดวันเดียวก่อนการโหวตเลือกนายกฯ ทั้งหมดจดไปจบตรงไหนคอการเมืองคงต้องจับตาไม่กระพริบ หรือจะเป็นจริงดังว่า “ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม” 

Advertisement

หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ได้ลงนามในคำร้องและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ นำเรื่องหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมมีมติให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นก่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีในสภา เพียง 1 วัน และกลายเป็นที่ตั้งข้อสังเกตุของสังคมเกี่ยวกับ ระยะเวลาการพิจารณาของกกต.เกี่ยวกับกรณีหุ้นไอทีวีของนายพิธา ว่าเป็นการพิจารณาแบบรวดเร็วผิดปกติหรือไม่? รวมถึงกรณีไม่มีการเชิญตัวนายพิธา ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบหรือชี้แจงใดๆ จริงหรือไม่?

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการนัดประชุมประจำสัปดาห์วันนี้ในช่วงบ่ายนี้ และทางฝ่ายธุรการของศาลฯ ได้รับเรื่องไว้ ซึ่งหลายฝ่ายจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า ศาลรธน.จะมีการนำคำร้องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาเรื่องหุ้นไอทีวีของนายพิธา ที่ส่งมาจากกกต.เลยหรือไม่?

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล

เกี่ยวกับกรณีหุ้นไอทีวีของนายพิธา ที่เกิดขึ้น มีความเคลื่อนไหวจากพรรคก้าวไกลโดยทันที่ ซึ่งที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยส.ส.พรรคก้าวไกล ได้แถลงต่อสื่อว่า การที่กกต. มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3)ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัทไอทีวี จำกัด มหาชน จำนวน 42,000 หุ้น รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย พรรคเห็นว่าในกรณีนี้ กกต.ดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนที่ควรจะเป็นระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวนและชี้ขาด

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงกรณี กกต.ส่งเรื่องหุ้นไอทีวีของพิธาไปยังศาลรธน.และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.

การที่กกต.ส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 72 ไม่สามารถเทียบเคียงกับยุบพรรคอนาคตใหม่ เราเห็นว่ากกต.ต้องปฏิบัติตามระเบียบให้ครบถ้วน การที่กกต.เสนอศาลรัฐธรรมนูญอย่างรีบเร่ง ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหามาที่ นายพิธา และไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เท่ากับ กกต.เลือกปฏิบัติตามระเบียบเพียงบางส่วนและจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบตามที่ตนเองตราไว้ อาจเป็นการทำผิดหรือละเว้นการปฏิบัติ ตามมาตรา 157 กรณีนี้มีข้อสังเกตได้ว่า ทำไมกกต.จึงรีบเร่งดำเนินการในคดีหุ้นไอทีวีอย่างผิดปกติ ทั้งที่เรื่องหุ้นไอทีวี มีข้อพิรุธและถกเถียงว่าไอทีวียังดำเนินธุรกิจสื่ออยู่หรือไม่ จงใจจัดทำรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นและเอกสารงบการเงินไม่ตรงตามข้อเท็จจริง แต่กกต.รีบประชุม 3 วัน ทันทีที่ได้รับเรื่อง เพื่อเร่งสรุปให้ได้ มีข้อมูลพยานหลักฐานเพียงว่า นายพิธา มีความผิดตามที่ยื่นคำร้องจริง

 

เรื่องนี้ตนทราบว่ากกต.เชิญผู้บริหารไอทีวีชี้แจงกกต.แล้ว และผู้บริหารไอทีวีให้ข้อมูลกับกกต.ว่า ไอทีวีไม่ได้ดำเนินธุรกิจสื่อ ดังนั้น แม้กกต.อ้างเหตุผลว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อกล่าวหากับนายพิธา เพื่อให้นายพิธามาชี้แจงก่อน แต่คำถามคือ กกต.มีเวลาเชิญไอทีวีชี้แจง แล้วกกต.มีเหตุผลอะไรที่รับฟังว่าจะไม่ยอมเสียเวลาให้ นายพิธา รับทราบข้อกล่าวหาและมีโอกาสชี้แจงได้บ้าง เพื่อให้กกต. พิจารณาข้อเท็จจริงได้อย่างรอบด้านเป็นธรรม หากผู้บริหารไอทีวี ชี้แจงกกต.จริงว่าไม่ได้ดำเนินธุรกิจสื่อ กกต.ใช้หลักฐานอะไรนำไปสู่ข้อสรุปว่านายพิธา มีความผิดตามที่ยื่นคำร้องจริง เพื่อรีบเร่งให้ได้ ความรีบเร่งผิดปกติเห็นได้จากเมื่อเช้านี้ กกต.มีมติตอนเช้า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. รีบเซ็นเอกสารยื่นศาลรธน.ทันที เพื่อให้ทันประชุมตอนบ่าย

นายชัยธวัชได้ตั้งคำถามถึง กกต.ว่า มีเจตนาส่งลูกให้ศาลรัฐธรรมนูญ นำเรื่องเข้าที่ประชุมทันทีในบ่ายวันนี้ เพื่อให้ นายพิธา ถูกสั่งยุติหน้าที่ส.ส. ก่อนโหวตนายกฯในวันที่ 13 ก.ค.ใช่หรือไม่ และกล่าวในตอนท้ายว่า “อยากเรียนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา โดยใช้นิติสงคราม บทบาทขององค์กรอิสระต่างๆ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญถูกตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่า ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมืองใดหรือไม่ กรณีที่เกิดขึ้นวันนี้และหลังจากนี้อีกไม่นานจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า ข้อกล่าวหาเหล่านั้นจริงหรือไม่” พร้อมฝากเสียงเตือนไปยังกกต.และองค์กรอิสระทั้งหมดว่า ท่านอย่าลุแก่อำนาจจนเกินขอบเขต

โดยพรรคยังยืนยันจะเสนอชื่อ นายพิธา เป็นนายกฯคนที่ 30 และนายพิธา ยังมีสิทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ในฐานะแคนดิเดตนายกฯและผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงจากอันดับ 1 ขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก ความชอบธรรมที่สูงสุดคืออำนาจประชาชน พรรคก้าวไกลมีหน้าที่รับผิดชอบต่อเสียงของประชาชนที่มอบให้ เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดอย่างสุดความสามารถ เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการไม่เห็นหัวประชาชน และประชาชนคงจะไม่ยอมอย่างแน่นอน

ด้านความเคลื่อนไหวของ “ด้อมส้ม” หรือผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ได้มีการนัดหมายรวมตัวแสดงพลังกันแล้วทั่วประเทศผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดย นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และแกนนำม็อบ 3 นิ้ว ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า “เขาประกาศนิติสงครามแล้ว!!!” พร้อมแนบลิงก์เพจต่างๆ โดยปรากฎโพสต์ข้อความนัดหมายต่อต้านมติของกกต.ในจังหวัดต่างๆ อาทิ อุบลราชธานี , สุรินทร์ , เชียงใหม่ และนครราชสีมา ดังนี้

เฟซบุ๊กคบเพลิง โพสต์ว่า “วันนี้ 18.00 น. ขอเชิญชวนทุกท่านรวมตัวกัน หน้าคณะรัฐศาสตร์ ม.อุบลฯ แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับคำสั่ง กกต.ให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่และส่งศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน #ม็อบมออุบล #ปราศรัยด่าเท่านั้น”

เฟซบุ๊ก Surin Movement “เย็นนี้มาร่วมแสดงพลังไม่เห็นด้วยกับ กกต. ที่มีมติยื่น #ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ #พิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.! เวลา 16.00 น. ณ อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญ ศาลากลางหลังเก่า”

เฟซบุ๊ก ประชาคมมอชอ – Community of MorChor “เกียมรองเท้าผ้าใบ หมวก ร่ม เสื้อกันฝนให้พร้อม รอฟังสัญญาณค่ะ”

นอกจากนี้ในเพจของพรรคก้าวไกล ยังโพสต์เชิญชวนให้มวลชนออกมาร่วมสนับสนุน “พิธา” เป็นนายกฯ โดยระบุข้อความดังนี้  ก้าวไกลขอเชิญทุกคนร่วมทำภารกิจด่วน! “พฤหัสสีส้ม” เชิญชวนทุกคนร่วมใส่เสื้อผ้าสีส้ม ติดสัญลักษณ์ ร่วมสื่อสารทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสนับสนุนให้รัฐสภาลงมติโหวต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ให้สำเร็จโดยทุกคนสามารถออกมาร่วมติดตามผลการโหวตของรัฐสภาได้ที่แต่ละจุดใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ แต่หากใครอยู่กรุงเทพ เราชวนทุกท่านมาร่วมติดตามกันที่รัฐสภา แยกเกียกกาย ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 โดยพร้อมเพรียงกัน

และทั้งหมดนี้คือบทสรุปจากเหตุการณ์ทางการเมืองร้อนๆ ที่เกิดขึ้นกับ พรรคก้าวไกล โดยเฉพาะตัวของนายพิธา หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ ท่ามกลางข้อใจและความงุนงงสงสัยมากมายจากสังคม ไม่เพียงเฉพาะ “ด้อมส้ม” ผู้ให้การสนับสนุนพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่ยังมีนักวิชาการหลายรายที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว รวมถึงประชาชนทั่วไปที่เริ่มหันกลับมาให้ความใจกับสถานการณ์ร้อนๆ ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หลังการเลือกตั้งที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปไม่นาน

และมีความวิตกว่า เรื่องนี้อาจนำไปสู่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ ที่ทำให้ประเทศไทย ไม่เหมือนเดิม ดังสโลแกนของพรรคก้าวไกลที่มีไว้ช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งคงต้องจับตามองกันอย่างใกล้ชิด ทั้งกระบวนการของศาลรธน.และความเคลื่อนไหวนอกสภา และที่สำคัญ กับการโหวตนายกฯในวันที่ 13 ก.ค.นี้