ก.คลัง ประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เผยจำนวนผู้ผ่านกว่า 11 ล้านราย จาก 14 ล้านราย พร้อมแจงกรณีไม่ผ่าน ต้องทำยังไง และส่วนที่ผ่านจะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ไปดูกันเลย
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง และ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุถึง การประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยผู้ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการลงทะเบียนฯ) โดยประชาชนที่ลงทะเบียน สามารถตรวจสอบสิทธิในการได้รับสวัสดิการของตัวเองได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2560 เป็นต้นไป ผ่าน 3 ช่องทาง ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบสามารถไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรฯ) ได้ที่หน่วยงาน/สาขาที่ได้ไปลงทะเบียนไว้ ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2560 ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติสามารถยื่นขออุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 29 กันยายน 2560 สำหรับผล การตรวจสอบผู้ผ่านคุณสมบัติ โดยกระบวนการคัดกรองคุณสมบัติจาก 26 หน่วยงานตรวจสอบ พบว่า จากผู้ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนฯ ทั้งหมดจำนวน 14,176,170 คน มีผู้ที่ผ่านคุณสมบัติจำนวน 11,431,681 คน และมีผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติจำนวน 2,744,489 คน ซึ่ง กระทรวงการคลังจะเปิดให้ตรวจสอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2560 เป็นต้นไป ผ่าน 3 ช่องทาง คือ ตรวจสอบด้วยตัวเองหรือขอความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ได้แก่ www.epayment.go.th www.mof.go.th และ www.fpo.go.th โดยพิมพ์เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักลงไปในช่องที่กำหนด ระบบจะแจ้งผลการตรวจสอบ
และตรวจสอบผ่านสายด่วน 6 หน่วยงาน ในเวลาราชการ ได้แก่ 1) Call center ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 1359 2) Call center ของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 02-555-0555 3) Call center ของ ธนาคารออมสิน 1115 4) Call center ของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 02-111-1111 5) Call center ของกรมบัญชีกลาง 02-270-6400 และ 6) เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต
สุดท้ายตรวจสอบกับ ช่องทางที่ 3 ณ ที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานอื่นตามที่
กรมการปกครองเห็นสมควร และสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร โดยกระทรวงการคลังจะส่งรายชื่อแยกตามจังหวัด อำเภอ และตำบล ส่งให้กระทรวงมหาดไทย และแยกเป็นรายเขตส่งให้กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการติดประกาศผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่อไป
ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบ และประสงค์จะเข้า กระบวนการอุทธรณ์คุณสมบัติสามารถขออุทธรณ์ให้ตรวจสอบคุณสมบัติใหม่ได้ภายในวันที่ 29 กันยายน 2560 โดยปฏิบัติตาม 7 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้1. ผู้ลงทะเบียนตรวจสอบผลผ่าน 3 ช่องทางที่ได้กล่าวไปแล้ว และหากพบว่าคุณสมบัติไม่ผ่าน 2. บนหน้าจอแสดงผลจะระบุคุณสมบัติที่ไม่ผ่าน และหากผู้ลงทะเบียนต้องการอุทธรณ์ ให้กดปุ่ม “ยื่นคำขออุทธรณ์” 3.กรอกแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขออุทธรณ์ โดยหลังจากกดปุ่มยื่นอุทธรณ์ ระบบจะถามวันเดือนปีเกิด เพื่อยืนยันตัวบุคคล พร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ หลังจากนั้นให้กดปุ่มสีเหลืองด้านล่างของหน้าจอที่เขียนว่า “บันทึกและส่งคำขออุทธรณ์” 4.หลังจากกดปุ่มบันทึกและส่งคำขออุทธรณ์แล้ว ข้อความบนปุ่มสีเหลืองจะเปลี่ยนเป็น “อยู่ระหว่างการอุทธรณ์” 5. หลังจากปิดรับการยื่นขออุทธรณ์ กระทรวงการคลังจะรวบรวมข้อมูลส่งให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติตามคำขออุทธรณ์ต่อไป 6. หน่วยงานตรวจสอบใช้เวลา 1 สัปดาห์ในการตรวจสอบ และส่งผลการอุทธรณ์กลับมาให้กระทรวงการคลังภายในวันที่ 16 ตุลาคม 2560 และ 7. กระทรวงการคลังประกาศผลการอุทธรณ์ในวันที่ 24 ตุลาคม 2560 ผ่าน 2 ช่องทางเท่านั้น ได้แก่ www.epayment.go.th และสายด่วน 6 หน่วยงาน หากผลการอุทธรณ์ยืนตามผลครั้งแรกคือไม่ผ่าน ผู้ยื่นอุทธรณ์จะไม่มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการ ทั้งนี้ หากผู้อุทธรณ์ยังมีข้อสงสัยในผลการอุทธรณ์ ให้ติดต่อสอบถามหน่วยงานที่ตรวจสอบคุณสมบัตินั้น ๆ โดยตรง แต่หากผลการอุทธรณ์ปรากฎว่าผ่านคุณสมบัติ ผู้ยื่นอุทธรณ์จะได้รับบัตรฯ ต่อไป
สำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผู้มีสิทธิได้รับบัตรฯ สามารถไปรับบัตรฯ ได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ได้ไปลงทะเบียนไว้ ได้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2560 เป็นต้นไป การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมี 2 หมวด คือหมวดการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งประกอบด้วย วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตร จากร้านธงฟ้าประชารัฐ โดยผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อคนต่อปี จะได้รับ 300 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท จะได้รับ 200 บาทต่อคนต่อเดือน และ วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน และหมวด
และ หมวดการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งประกอบด้วย วงเงินค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อคนต่อเดือน และ วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อ Call Center ของบัตรฯ ได้ที่ 02-109-2345 จำนวน 150 คู่สาย วันจันทร์ – วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 – 17.30 น.