อ่วมมั้ย? คนไทยต้องถามกระเป๋าตังค์ตัวเอง กับ “มหกรรมขึ้นราคา” ทั้งที่ขึ้นราคาไปก่อนแล้วและจ่อเตรียมจะขึ้นราคาในอนาคตอันใกล้ เรียกว่า มาครบด้วยโปรฯแบบคอมโบเซท ทั้งก๊าซ LPG รถไฟเรือเมล์ บีทีเอส รถเมล์ ทางด่วน
กลายเป็น “มหกรรมขึ้นราคา” สำหรับ “คนไทย” ที่ต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 รายการ และเป็นรายการสำคัญๆ ที่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันโดยตรงเริ่มต้นแบบไม่เบากับ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานหรือ กบง.ซึ่งเปิดเผยโดย ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ว่า “กบง. ได้พิจารณาโครงสร้างราคาก๊าซ LPG อ้างอิงสำหรับเดือนกันยายน 2560 ซึ่งจากสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลก (CP) เดือนกันยายน 2560 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG สะท้อนต้นทุน สอดคล้องตามแนวทางการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซ LPG ที่ ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG อ้างอิงสำหรับเดือนกันยายน 2560 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.67 บาทต่อกิโลกรัม จาก 20.49 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 21.15 บาทต่อกิโลกรัม หรือปรับราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 10 บาทต่อถังขนาด 15 กก. โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2560
จากราคาก๊าซ LPG ก็มาต่อกันที่ รถไฟฟ้าบีทีเอส โดย นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 บริษัทฯ จะปรับราคาค่าโดยสารที่เรียกเก็บสำหรับรถไฟฟ้าบีทีเอสในส่วนของเส้นทางสัมปทานระยะทาง 23.5 กิโลเมตร สายสุขุมวิท สถานีหมอชิต – สถานีอ่อนนุช และสายสีลม สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ – สถานีสะพานตากสิน ไม่รวมส่วนต่อขยายของกรุงเทพมหานคร จากราคา 15 บาท – 42 บาท เป็น 16 บาท – 44 บาท โดยจะเรียกเก็บสถานีแรก 16 บาท สองสถานี ราคา 23 บาท สามสถานี ราคา 26 บาท สี่สถานี ราคา 30 บาท ห้าสถานี ราคา 33 บาท หกสถานี ราคา 37 บาท เจ็ดสถานี ราคา 40 บาท แปดสถานีเป็นต้นไป ราคา 44 บาท ซึ่งอัตราใหม่นี้เพิ่มขึ้น 1 – 3 บาทเมื่อเทียบกับค่าโดยสารเดิม ทั้งนี้การปรับราคาค่าโดยสารใหม่ยังคงอยู่ต่ำกว่าเพดานอัตราค่าโดยสารตามสัญญาสัมปทานซึ่งอยู่ในอัตรา 20.11 – 60.31 บาท โดยการปรับอัตราค่าโดยสารครั้งนี้บริษัทฯ จะปรับราคาจำหน่ายเที่ยวเดินทาง 30 วัน ทั้งสำหรับประเภทบุคคลทั่วไปและนักเรียนนักศึกษา ซึ่งเป็นบัตรโดยสารราคาพิเศษด้วย โดยปรับขึ้นเที่ยวละ 1 บาท
จากบีทีเอสว่ากันต่อแบบยาวๆ แบบข้ามปี ที่เตรียมแผนขึ้นราคาในปลายปี 2561 กับ “ค่าทางด่วน” โดย นายสุทธิศักดิ์ วรรณวินิจ รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. บอกว่า ในปี 2561 มีแนวโน้มว่า อาจต้องปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางพิเศษ หรือ ทางด่วน จำนวน 2 เส้นทางได้แก่ ทางด่วนอุดรรัถยา สายบางปะอิน-ปากเกร็ด และทางด่วนศรีรัช หรือ ทางด่วนขั้นที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามสัญญาที่ต้องปรับค่าผ่านทางทุก ๆ 5 ปี บนพื้นฐานอัตราเงินเฟ้อ
ส่วนเรื่องของการคมนาคมขนส่งมวลชนอื่นๆ ที่ก็เริ่มทะยอยปรับราคาทั้งเรือด่วนคลองแสนแสบ และรถไฟที่ปรับค่าโดยสารรถไฟชั้น 1–2 ขึ้นอีก 15–20% ไปแล้วก่อนหน้านี้ รวมถึง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือ ขสมก.กับบริการรถเมล์ ที่ก็จ่อเตรียมปรับขึ้นราคาโดยมีเป้าหมายเพื่อลดการขาดทุนสะสมเช่นเดียวกัน โดยมีข้อเสนอจาก ดร.สุเมธ องกิตติกุล นักวิชาการชำนาญการขนส่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ในฐานะที่ปรึกษาโครงการปฏิรูปเส้นทางเดินรถ 269 เส้นทาง สนับสนุนให้มีการปรับราคาค่าโดยสารรถเมล์ 3-5 บาทต่อเที่ยว รถร้อนราคาตั๋วควรอยู่ที่ 10-12บาท รถแอร์ 20 บาทตลอดสาย ขณะที่ ขสมก.เอง มีแผนที่จะลดการขนาดทุน และมีกระแสข่าวว่าอาจมีการปรับค่าโดยสารรถเมล์เที่ยวละ 2 บาทในปีหน้า เพื่อลดการขาดทุน และสะท้อนกับต้นทุนจริงที่เกิดขึ้น
และนี่คือ “มหกรรมขึ้นราคา” ที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะทะยอยเกิดขึ้นตามมา บางทีอาจถึงเวลาต้องคลำกระเป๋าตังค์ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถามตัวเองว่าไหวมั้ย? แล้วก้าวต่อไป แต่ถ้าไม่ไหวก็ไปคิดวิธีหารายได้พิเศษมารับโปรขึ้นราคาแบบคอมโบ้เซทนี้กันต่อไป