จากไข้หวัดธรรมดา ถึง โควิดกระจอกกลัวซะที่ไหน? วาทะกรรมของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือ “เสี่ยหนู” ที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ กับสถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดของไวรัสโควิด -19 ที่จังหวัดสมุทรสาคร รุนแรงวิกฤติถึงขั้นต้องล็อกดาวน์กันแล้ว
วันเดียวเจอ 516 ราย จากการสุ่มตรวจจากแค่ พันกว่าราย แถมยังมียอดติดเชื้อสะสมอีกรวม 548 ราย แบบนี้ยังกระจอก ยังเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาอยู่มั้ย?!!!
จริงๆ ก็ไม่ได้จะจงใจเอา “เสี่ยหนู” มาขยี้ แต่แค่อยากจะบอกฝากไปยังรัฐบาลตรงๆ เลยว่า วันนี้การ์ดตกไปหรือเปล่า ตกแล้วยังโดนไข้หวัดกระจอกสวนกลับมาเต็มๆ ในช่วงยกท้ายๆ หลังโกยคะแนนนำมาตลอดในช่วงยกแรกๆ จนเกือบจะน็อคโควิดได้อยู่แล้วเชียว
นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรงในเมียนมา นับตั้งแต่วันพบผู้ติดเชื้อชาวเมียนมาห่างด่านชายแดนแม่สอด จ.ตากไม่กี่กิโล นับตั้งแต่วันที่กลุ่มคนไทยที่ข้ามไปทำงานในเมียนมา หรือที่เรียกกันว่า “แก๊งโควิดนำเข้า 1G1”แล้วทะลุพรมแดน (ธรรมชาติ) กลับมาทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ก่อนจะลุกลามแพร่ไปอีกหลายจังหวัดภาคเหนือ และภาคกลางรวมถึงกทม.เมืองหลวงของประเทศไทย รวมถึงการติดเชื้อผ่านมาทางบุคลากรทางการแพทย์ จากการให้ข้อมูลที่บิดเบือนของคนไข้
ทั้งหมดนี้เป็นเวลายาวนานนับเดือน รัฐบาลนี้ทำอะไรอยู่?!!!
ที่ต้องตั้งคำถามแบบนี้เพราะมีเวลามากมายสำหรับการตั้งรับ แค่นับจากการกลับมาของคนไทยที่ข้ามไปทำงานในเมียนมีเวลามากพอที่จะสแกน อย่างละเอียดอีกครั้งทั่วประเทศ รวมถึง การเพิ่มมาตรการความเข้มข้นการคัดกรองต่างๆ
ผ่านสมุติฐานง่ายๆ ว่า “เมื่อคนไทยลักลอบกลับมาจากเมียนมาได้ ทำไมคนเมียนมาจะลักลอบเข้าไทยโดยใช้รูปแบบเดียวกันไม่ได้”
และภายใต้สมมุติฐานนี้ ถ้าใช้ตั้งแต่ต้น วันนี้คงไม่รุนแรงถึงขั้นต้องล็อกดาวน์สมุทรสาคร เพราะถ้าเข้มตั้งแต่แมสอด เข้มตั้งแต่ แม่สาย ยาวไปตลอดแนวพรมแดนไทยพม่า ก็น่าจะพอลดจำนวนของผู้ติดเชื้อในวันนี้ที่สมุทรสาครได้หลายคนมองโมเดลการกลับมาของโควิด-19 ที่ต้องยกให้เป็นการแพร่ระบาดรอบสองในครั้งนี้ว่าคล้ายกรณีที่เกิดขึ้นประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ ที่วันเดียวพบผู้ติดเชื้อนับพันราย และอยู่ในโซนแรงงานต่างด้าว
เคสการแพร่ระบาดรอบสองจากต่างด้าว ตัวอย่างก็มีแล้ว กรณีศึกษาก็มีแล้ว รัฐบาล ทำอะไรอยู่?
ยิ่งเมื่อหวนไปฟังคำพูดของ “เสี่ยหนู” รมว.สธ.แล้ว ก็ยิ่งน่าคิด ทั้งไข้หวัดธรรมเอย ทั้งโควิดกระจอกกลัวซะที่ไหนเอย แบบนี้พอจะเรียกประมาทจนการ์ดตกได้มั้ย? เพราะเรื่องนี้พูดเอง เป็นข่าวเองจะมาโทษว่าใครบิดเบือนก็คงจะยาก
จนถึงวันนี้กับกรณีที่สมุทสาคร ดูเหมือนโควิด(รอบสอง) จะไม่กระจอกซะแล้ว และย้อนกลับไปดูวาทะกรรม “เสี่ยหนู” แล้ว เหมือนกำลังจะโดนโควิดแกงเทโพหม้อใหญ่ แต่จะแปลกอะไร ก็รัฐบาลนี้เคยๆ กับเรื่องการโดนแกงเป็นประจำอยู่แล้วหรือปะ ทั้งม็อบทั้งโควิดผลัดกันแกง ดูว่างานนี้ ล็อกดาวน์สมุทรสาครไปแล้ว จะต้องเดือดร้อนกันทั้งประเทศกับการแพร่ระบาดรอบสองอีกครั้งมั้ย? ถ้าต้องเดือดร้อนกันอีก ควรจะโทษใครดี? มีคำตอบแบบแทบไม่ต้องรอคำถามเลยแล้วกัน
ภาคินสัน