“คลัง”โชว์พาว์โต้เสียงวิจารณ์ “ถังแตก” ยันยังจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เงินเดือนข้าราชการได้ ย้ำมี “แหล่งเงิน” เพียงพอเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
จากกรณีเงินเบี้ยยังชีพคนชรารายเดือน หลายพื้นที่เบิกจ่ายล่าช้า จนกลายเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานะทางการเงินของประเทศ ว่าอาจอยู่ใน “ภาวะถังแตก” ล่าสุด นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ชี้แจงประเด็นการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยความพิการ และเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้าง ว่า “การงดจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการเดือนกันยายน 2563 และกระทรวงการคลังจะสามารถจ่ายเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างได้อีกเพียง 3 เดือนนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด กรณีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการไม่ได้มีการงดจ่าย แต่เป็นเพียงการเลื่อนจ่ายเนื่องจากมีการปรับปรุงยอดงบประมาณให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของการจ่ายเงินดังกล่าวในปีงบประมาณ 2563

โดยขณะนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพื่อมาจ่ายเงินดังกล่าวแล้ว และกรมบัญชีกลาง จะได้ดำเนินการจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิ์ต่อไป โดยจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2563 นี้สำหรับกรณีเงินเดือนข้าราชการนั้น รัฐบาลได้จัดสรรค่าใช้จ่ายเงินเดือนและค่าจ้างของบุคลากรภาครัฐไว้อย่างเพียงพอแล้วตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปี และขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา

ทั้งนี้ เงินคงคลังในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง เพียงพอเพื่อรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐซึ่งรวมถึงเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลยังคงมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรหรือรายได้อื่น ๆ เพื่อนำมาใช้จ่ายในการบริหารประเทศได้ตามปกติ และโฆษกกระทรวงการคลังได้ยืนยันว่า กระทรวงการคลังยังมีแหล่งเงินที่เพียงพอ เพื่อรองรับการใช้จ่ายของหน่วยงานภาครัฐและดำเนินนโยบายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป
สำหรับกรณีเงินเดือนข้าราชการนั้น รัฐบาลได้จัดสรรค่าใช้จ่ายเงินเดือนและค่าจ้างของบุคลากรภาครัฐไว้อย่างเพียงพอแล้วตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปี และขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา
ทั้งนี้ เงินคงคลังในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง เพียงพอเพื่อรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐซึ่งรวมถึงเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลยังคงมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรหรือรายได้อื่น ๆ เพื่อนำมาใช้จ่ายในการบริหารประเทศได้ตามปกติ และโฆษกกระทรวงการคลังได้ยืนยันว่า กระทรวงการคลังยังมีแหล่งเงินที่เพียงพอ เพื่อรองรับการใช้จ่ายของหน่วยงานภาครัฐและดำเนินนโยบายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป