‘ขี้โม้ทำลายประเทศ-ผีเจาะปากพาศึกเข้าบ้าน’ ส.ส.เพื่อไทยจัดหนักขีปนาวุธวาจาชุดใหญ่ ถล่ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กรณี มะกันส่งซิกไทยก่อนโจมตีอิหร่าน ถามหากสงครามลามไทยรับผิดชอบไหวมั้ย?
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวาระที่สอง และสาม ตามที่ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานได้พิจารณาเสร็จแล้ว ต่อเป็นวันที่สอง โดยเป็นการพิจารณาในมาตรา 10 ว่าด้วย งบประมาณกระทรวงการต่างประเทศ วงเงิน 4,940,473,000 บาท นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ. เสียงข้างน้อย กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบัน (นายดอน ปรมัตถ์วินัย) เป็นลูกหม้อกระทรวงการต่างประเทศ แต่ผลงานช่วงหลายปีที่ผ่านมาน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะคำพูดที่ออกไปต่อสื่อหลายครั้ง ล่าสุดปัญหาระหว่างสหรัฐ-อิหร่านก็พูดว่า สหรัฐฯ ส่งสัญญาณการโจมตีอิหร่านมาให้ไทยทราบล่วงหน้า 1วัน ถือว่าน่าห่วงมาก มีความเสี่ยงดึงไทยเข้าไปสู่ความขัดแย้ง ถ้าสงครามลามมาถึงไทย รมว.ต่างประเทศจะรับผิดชอบได้หรือไม่?
และ อาจถูกมองในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด การที่รมว.ต่างประเทศปฏิเสธว่า สิ่งที่พูดเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยลามไปทั่วโลกแล้ว ขอให้รับผิดชอบด้วยการลาออก ขอให้รัฐบาลตัดเนื้อร้ายออก เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ ดังนั้นจึงไม่ไว้วางใจให้งบประมาณของกระทรวงต่างประเทศไทย ขอตัดงบ 15 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่นายชวน เตือนว่า ขอให้อภิปรายอยู่ในเนื้อหางบประมาณ อย่าไปโยงถึงเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เช่นเดียวกับการอภิปรายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. เสียงข้างน้อย ที่ขอปรับลด 15 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 720 ล้าน เหตุผลคือ การขอรับงบประมาณของกระทรวงต่างประเทศจะแตกต่างจากกระทรวงอื่น เพราะใช้เพียงสำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้นเป็นหน่วยรับงบประมาณ กระทรวงการต่างประเทศมีส่วนราชการที่มีฐานะระดับกรมที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ ตามพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 อย่างน้อย 12 หน่วยงาน เช่น กรมการกงสุล กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กรมอาเซียน กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นต้น

โดยในชั้นการชี้แจง กมธ. ได้ถามกระทรวงการต่างประเทศว่าเหตุใด? ถึงไม่ให้หน่วยงานในระดับกรมรับงบประมาณได้โดยตรง ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า หน่วยงานนั้นเป็นระดับกรมจริง แต่มีลักษณะบุคลากร และลักษณะงานจำเพาะ เพราะบางกรมมีข้าราชการไม่ถึง 200 คน การรับที่หน่วยเดียวจะทำให้บริหารงานได้ง่ายกว่า แต่พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 ในมาตรา 23 ระบุว่า

ในการเสนอขอรับงบประมาณต้องแสดงภารกิจของหน่วยรับงบประมาณให้ชัดเจน แต่วิธีการที่กระทรวงการต่างประเทศทำ ทำให้ติดตามการใช้งบประมาณยาก ซึ่งก็อยากจะให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 ความจริงไม่อยากปรับลด เพราะชื่นชมข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ถูกคัดสรรมาจากคนที่สมองดี โดยหลักต้องทำสิ่งดีให้กับประเทศ แต่ล่าสุดคือ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศชาติ โดยไม่สนใจคำสัมภาษณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หากเป็นกระทรวงอื่นคงหงอไปแล้ว เป็นการหักหน้าอย่างไม่ปรานี โดยส่วนตัวได้เขียนในทวิตเตอร์ตัวเองว่า ‘ขี้โม้ทำลายประเทศ’ ‘ผีเจาะปากพาศึกเข้าบ้าน’ แต่ก็ไม่ได้ปรับลดด้วยเหตุผลนี้

ส่วน ส.ส. ซึ่งสงวนคำแปรญัตติมีประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า ขอตัดงบ 5 เปอร์เซ็นต์ เม็ดเงินประมาณ 256 ล้าน ในเรื่องการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับมิตรประเทศ และองค์การต่างประเทศ ตั้งงบประมาณ 2 พันกว่าล้าน เรื่องตัวเลขงบไม่ใช่ประเด็น แต่เป็นเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งคนที่จะเป็นหน้าตาของประเทศนอกจากนายกฯ แล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เป็นส่วนสำคัญ ถ้าหน้าตาดี และแนวคิดดี ประเทศก็มีศักดิ์ศรี แต่เมื่อวันสองวันที่ผ่านมาก็ไม่รู้ว่าท่านไปกินรังแตนมาจากไหน ที่อยู่ๆ ก็รู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตัวเอง พูดเป็นตุเป็นตะ ท่านไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะสังหารนายพลอิหร่าน ทั้งนี้ช่วงเช้ารัฐมนตรีพูดอีกอย่าง บ่ายมาโฆษกกระทรวงการต่างประเทศพูดอีกอย่าง ลูกพี่พูดอย่างลูกน้องพูดอย่าง แบบนี้ควรจะได้รับเงินงบประมาณหรือไม่ การทำงานต้องมีวิสัยทัศน์มากกว่านี้ ไทยมีความสัมพันธ์กับหลายประเทศ แต่ตอนนี้กำลังสร้างแต่ความร้าวฉาน หากใช้เงินไม่เกิดประโยชน์ก็ต้องขอตัดงบ