เหตุเงินบาทอ่อนค่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกผันผวน กบง.ยืดอกรับควักประเป๋าโปะตรึงราคาขายทั้งดีเซล – ก๊าซ หุงต้มครัวเรือนในประเทศไปจนถึงสิ้นปี 2561
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือกบง. ว่าที่ประชุมมีมติให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. ออกประกาศอัตราชดเชยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในอัตราไม่เกิน 30 สตางค์ต่อลิตรในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกระดับไม่เกิน 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงนี้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกผันผวนรุนแรงอยู่ในระดับสูงอยู่ที่ประมาณ 77-78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากต้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับประมาณ 60-62 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เห็นได้ชัดเจนในช่วงเดือน มี.ค.เป็นต้นมาราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลปรับขึ้น 16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ปัจจุบันราคาปรับขึ้นอยู่ที่ประมาณ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนลงอยู่ที่ 32-33 บาทต่อลิตร จากเดิมอยู่ที่ 31.40 บาทต่อลิตร
โดยภาพรวมทั้งราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้ราคาต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น 4.46 บาทต่อลิตร ซึ่งเทียบกับราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลในประเทศช่วงเดือน มี.ค.อยู่ที่ 26.59 บาทต่อลิตร ถ้าบวกต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 4.46 บาทต่อลิตร จะทำให้ราคาดีเซลอยู่ที่ 31.05 บาทต่อลิตร แต่ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ค้ามาตรา 7 ทำให้ดีเซลอยู่ที่ 29.90 บาทต่อลิตร
นอกจากเรื่องของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว กบง.ยังมีนโยบายรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกก๊าซก๊าซหุงต้ม(LPG) ในประเทศที่ 363 บาทต่อขนาดถัง 15 กิโลกรัม(กก.) ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของบัญชีแอลพีจีมีเงินไหลออกสุทธิ 804 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้สถานะบัญชีแอลพีจีปัจจุบันติดลบ 3,337 ล้านบาท ขณะที่บัญชีน้ำมันไหลเข้า 26 ล้านบาทต่อเดือน จึงมีสถานะบัญชีน้ำมัน 29,359 ล้านบาท รวมสถานะกองทุนฯ ณ วันที่ 2 ก.ย.2561 มีฐานะสุทธิ 26,022 ล้านบาท