นายกฯชี้ลุ่มเจ้าพระยาเสี่ยงน้ำหลาก-ล้นตลิ่งจับตา5เขื่อนระบายน้ำเกินจุ

น้ำทะเลหนุนสูง กับ การรุกเข้ามาของน้ำเค็มในแม่น้ำสายหลัก อย่างแม่น้ำเจ้าพระยาในกทม.

8 จังหวัดยังเผชิญน้ำท่วม “นายกฯ” กำชับเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ที่อาจะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ด้านสทนช.เฝ้าระวัง 5 เขื่อนหลักปริมาณน้ำเกินความจุ

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีห่วงใยสถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่ หลังฝนตกต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งเพิ่มขึ้น ทำให้ทางการต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนเป็นการด่วน เพื่อเตรียมรองรับน้ำที่จะไหลเข้ามาสมทบอีก โดยได้ติดตามข้อมูลสถานการณ์ฝนและปริมาณน้ำทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขื่อนวชิราลงกรณจะระบายน้ำเพิ่มขึ้นในช่วง 4 – 7 ก.ย.61 และเขื่อนศรีนครินทร์จะระบายน้ำเพิ่มขึ้นในช่วง 7 – 13 ก.ย.61 ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่รับน้ำท้ายเขื่อนตามแนวริมลำน้ำ และพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่ง หรือน้ำไหลหลากได้” ได้กำชับสั่งการไปยังจังหวัดเสี่ยงภัย คือ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เตรียมการป้องกันความเสียหายและบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี

เช่นเดียวกับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เช่น จ.นครพนม อาจได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอีก จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำ โดยขนย้ายสิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ และสัตว์เลี้ยง ขึ้นที่สูงหรือสถานที่เหมาะสม

ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมใน 8 จังหวัด ได้แก่ จ.นครพนม บึงกาฬ สกลนคร เพชรบุรี นครนายก ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี โดยหน่วยงานภาครัฐได้ผนึกกำลังเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมทั้งแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว

ด้าน“นายสำเริง  แสงภู่วงค์” รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤตกล่าวถึงสถานการณ์น้ำในภาพรวมขณะนี้ว่า ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง ส่วนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีปริมาณฝนมากกว่าภาคอื่นๆ โดยศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้คาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ลำน้ำสายสำคัญๆ ได้แก่ ลำน้ำก่ำ ลำน้ำสงคราม ลำน้ำอูน แม่น้ำแควน้อย แม่น้ำแควใหญ่ แม่น้ำป่าสัก อ.หล่มสัก อ.หนองไผ่ อ.เมืองเพชรบูรณ์ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ และแม่น้ำปราจีนบุรี บริเวณ ตลาดเก่า อ.กบินทร์บุรี อ.ศรีมหาโพธิ์ อ.เมืองปราจีนบุรี อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวติดตามประกาศของกรมชลประทานอย่างต่อเนื่อง สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นอ่างขนาดใหญ่ที่มีระดับเกินเกณฑ์ควบคุม และปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุ ปัจจุบันคงเหลือ 5 แห่ง ได้แก่ เขื่อนน้ำอูน เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนขุนด่านปราการชล