เอาแล้วไง!!! สนองไทยแลนด์ 4.0 อย่างสาสม เมื่ออธิบดีกรมสรรพากรมอบนโยบายเตรียมใช้ระบบ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้มีรายได้จากค่าน้ำประปาไฟฟ้าพิสูจน์ผู้ยื่นแบบภาษีหวังทำยอด 2 ล้านล้านบาทปี 62
แม้หลายคนจะไม่ชอบใจนัก แต่ก็เป็นเรื่องของการต้องทำตามกฏหมาย และอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในไทยแลนด์ ยิ่งเป็นยุค ไอทีดิจิทัลไฮเทคแบบยุคที่เรียกกันว่า 4.0 แล้ว แค่เพียงจ่ายค่าน้ำค่าไฟข้อมูลก็จะถูกส่งเข้าไปประเมินวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องของการจัดเก็บภาษีได้ทันที เมื่อ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่ง เปิดเผยถึงนโยบายให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรทั่วประเทศว่า ได้กำหนดนโยบายการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร ต้องมุ่งไปสู่สรรพากรดิจิทัล สนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีมาใช้ประเมินการจัดเก็บภาษีเป็นหลัก ทุ่มงบพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อยกระดับการจัดเก็บภาษีของไทยให้ดีขึ้น โดยในปี 2563 หวังใช้เทคโนโลยีปัญหาประดิษฐ์ (AI) เพื่อวิเคราะห์การจัดเก็บภาษี จากการเชื่อมโยงข้อมูล Big Data จากหน่วยงาน เช่น พฤติกรรมการจ่ายค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า และข้อมูลอื่นมาประเมินรายได้ รายจ่ายกิจการได้ชัดเจน

นอกจากนี้ยังจะมีการสร้างพันธมิตรสำนักงานบัญชี เปลี่ยนมาเป็นส่งเสริมให้เอกชน เอสเอ็มอีเสียภาษี แทนการหลีกเลี่ยงภาษี เข้มงวดเอาจริงเขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่หลบเลี่ยงภาษี เพื่อแยกคนดีเสียภาษีให้ถูกต้อง และคนเลวหลีกเลี่ยงภาษีต้องลงโทษตามกฎหมาย ตั้งเป้าหมายพัฒนาระบบเทคโนโลยี ให้ชัดเจนภายใน 1 ปี หวังเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ และขยายฐานภาษีมากขึ้น
เพราะคนวัยทำงาน 30 ล้านคน แต่ยื่นแบบเสียภาษีเพียง 10 ล้านคน เพื่อดึงผู้มีรายได้เข้าสู่ระบบฐานภาษีเพิ่มขึ้น ตลอดจนการเดินหน้าสร้างความเป็นธรรมเสียภาษีให้กับผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ เช่น เว็บไซต์ระดับโลก รองรับการเติบโตของการค้าขายผ่าน E-Commece ขณะนี้อยู่ระหว่าางการเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากหลายฝ่าย เพื่อสรุปแนวทางให้ชัดเจนและผลักดันกฎหมายบังคับใช้ภายในปีนี้
ด้านการจัดเก็บภาษีรายได้ มั่นใจจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย 1.86 ล้านล้านบาทในปี 61 พร้อมรับเป้าจัดเก็บรายได้ 2 ล้านล้านบาท ในปี 62 ที่เป็นยอดเป้าหมายที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อปรับระบบการจัดเก็บให้มีประสิทธิภาพ จากการนำเทคโนโลยีมาใช้ คาดว่าจะจัดเก็บได้ตามเป้าหมายที่วางไว้