สถานการณ์คอร์รัปชันจะดีขึ้นหากการเมืองเป็นระบบเปิดมากขึ้น การมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น ระบบการตรวจสอบถ่วงดุลเข้มแข็งขึ้น การกลับคืนสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้งที่มีการซื้อเสียงน้อยลง ระบบอุปถัมภ์ผ่อนคลายลง
ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้แสดงความเห็นต่อกรณีคอร์รัปชันรุนแรงสุดในรอบ 3 ปีและเริ่มเห็นสัญญาณจ่ายเงินสินบนและใต้โต๊ะมากขึ้น ว่า เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งและจะส่งผลกระทบอย่างมากในภาวะที่ประเทศกำลังเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจจำนวนมากและมีการใช้จ่ายงบประมาณมหาศาล 3-4 ล้านล้านบาท แต่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดเนื่องจากขณะนี้เราอยู่ภายใต้รัฐบาลที่ไม่มีฝ่ายค้าน ระบบตรวจสอบถ่วงดุลอ่อนแอ สิทธิเสรีภาพทางวิชาการและสื่อมวลชนมีข้อจำกัด
สถานการณ์คอร์รัปชันจะดีขึ้นหากการเมืองเป็นระบบเปิดมากขึ้น การมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น ระบบการตรวจสอบถ่วงดุลเข้มแข็งขึ้น การกลับคืนสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้งที่มีการซื้อเสียงน้อยลง ระบบอุปถัมภ์ผ่อนคลายลง ย่อมทำให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันลดลง อย่างไรก็ตาม หากสังคมไทยปล่อยให้สถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชันย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้และในอนาคตจะลดลงจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับงบประมาณของประเทศไม่ต่ำกว่าปีละสองแสนล้านบาท อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยต่ำกว่า 4% ต่อปีจะทำให้ไทยไม่บรรลุเป้าหมายก้าวสู่ประเทศพัฒนาแล้วในปี พ.ศ. 2575 เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาวิกฤติฐานะการคลังในอนาคต
โดยคาดว่าหากปล่อยให้การทุจริตคอร์รัปชันอยู่ที่ระดับเดิมหรือเพิ่มขึ้นโดยไม่มีการแก้ไขให้ดีขึ้น ไม่เกิน 3-5 ปีข้างหน้า ประเทศจะต้องเจอกับปัญหาวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะอย่างแน่นอน การทุจริตจะเพิ่มภาระและต้นทุนให้กับประชาชนและภาคธุรกิจรวมทั้งทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการลดลง ประเทศได้โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐานด้วยงบประมาณที่สูงกว่าความเป็นจริง ประเทศมีต้นทุนค่าเสียโอกาสในการนำเม็ดเงินงบประมาณไปลงทุนระบบสวัสดิการสาธารณสุขและระบบการศึกษาให้กับประชาชน