ธนาคารกรุงไทยย้ำจุดยืนใช้เทคโนโลยีเสริมธุรกิจแต่ไม่มีแผนลดพนักงาน แม้สาขาจะถูกปิดไปบ้างก็ตาม พร้อมประสานธปท.เข้มงวดมากขึ้นหลังกรณีใช้บัตรประชาชนลักลอบเปิดบัญชี
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่าจากการที่ธนาคารมุ่งมั่นในการสนับสนุนนโยบาย National e-Payment เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและขับเคลื่อนสังคมไทยทุกภาคส่วนให้ก้าวสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด ช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ ยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ โดยในขณะนี้กรุงไทยมี 1,121 สาขา พนักงาน 2.4หมื่นคน มีแผนในการใช้นวัตกรรมมาช่วยในการบริการมากขึ้น ตามเทคโนโยลีใหม่ที่ประชาชนใช้สมาร์ทโฟน โดยธนาคารไม่มีแผนลดคน แต่ด้วยโครงการเกษียณก่อนกำหนดหรือเออรี่รีไทน์ รวมทั้งการเกษียณอายุ รับพนักงานน้อยลงตามภาระกิจใหม่ ก็คาดว่าว่าพนักงานกรุงไทยจะลดลงได้ร้อยละ 30 ใน 5 ปีข้างหน้า
ส่วนทางด้านจำนวนสาขานั้นปีที่แล้วลดลงราว 80 สาขา แต่ในขณะนี้ชะลอการปิดสาขา เนื่องจากธนาคารเป็นรัฐวิสาหกิจและมีภาระต้องบริการประชาชนให้ทั่วถึง ประกอบกับการปิดสาขาของธนาคารอื่นๆ ก็ทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการของธนาคารมากขึ้นและขอย้ำว่า ธนาคารไม่มีแผนลดคน แต่หากสาขาใดปิด ก็จะโยกย้ายพนักงานไปสาขาอื่นๆ อบรมไปทำงานด้านอื่นๆ เช่น การแนะนำผู้ใช้บริการในการใช้เน็ตแบงก์ผ่านมือถือ เป็นต้น ซึ่ง ธนาคารได้ประกาศแผนไปแล้วปรับดีเอ็นเอ การทำงานกรุงไทย โดยใช้เทคโนโลนีนวัตกรรมโครงการ FAST ทำให้การทำงานรวดเร็วและแข่งขันได้ทุกด้าน” นายผยง กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการสอบคดีที่มีการลักลอบนำบัตรประชาชนบุคคลอื่นไปเปิดบัญชีธนาคารและกลายเป็นความเสียหายต่อเจ้าของบัญชี กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งผลสอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว โดย ธนาคารสั่งให้พนักงานเพิ่มความเข้มงวดในการเปิดบัญชี ตรวจสอบใบหน้าให้ตรงกับบัตรประชาชน