ชาวเน็ตสับสน ภาษาราชการ กรณี ธปท. เข้ากำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ “ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ” โดยหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ย้อนกลับไปถึงกรณี ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการหรือ BBC หนึ่งในต้นเหตุวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 นายกฯ ยัน อย่าแตกตื่น เป็นมาตรการตามหลักสากล
ก็ยังคงเป็นกระแสข่าวใหญ่ ที่กลายเป็น “ทอล์คออฟเดอะโซเชียล” สำหรับชาวออนไลน์ กรณี มีประกาศ ใน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เกี่ยวกับ การเข้ากํากับดูแลธนาคารพาณิชย์โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยระบุว่า “มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ”
โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2560 เผยแพร่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย 2 ฉบับ คือ 1. เรื่องแนวทางการระบุและการกํากับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ เนื่องด้วยธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยมีบทบาทสําคัญในการทําหน้าที่เป็นตัวกลางทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นถึงความสําคัญและความจําเป็นที่ต้องกํากับดูแลธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวให้เข้มงวดขึ้นกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป โดยกํากับดูแลให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ มีความสามารถในการรองรับความเสียหายได้มากขึ้น เพื่อลดโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์จะประสบปัญหาฐานะทางการเงิน และส่งผลกระทบต่อระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ การกําหนดธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อกําหนดให้ธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้การกํากับดูแลที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งต้องดํารงเงินกองทุนในอัตราที่สูงขึ้นและต้องปฏิบัติตามมาตรการกํากับดูแลอื่นที่มากกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป โดยการกําหนดรายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศนั้นไม่ได้หมายความว่าธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากทางการโดยปริยายในกรณีที่ประสบปัญหาด้านสภาพคล่องหรือ
- เรื่องรายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ ด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดําเนินการพิจารณาตามแนวทางการระบุธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศที่กําหนดไว้ในประกาศฉบับดังกล่าวแล้วและเห็นสมควรกําหนดให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีรายชื่อตามประกาศฉบับนี้เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ
อํานาจตามกฎหมายอาศัยอํานาจตามความในข้อ 4.3.1 (4) ของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยแนวทางการระบุและการกํากับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศซึ่งออกโดยอาศัยอํานาจมาตรา 29 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 และมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงินพ.ศ. 2551 ธนาคารแห่งประเทศไทยกําหนดรายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศตามประกาศฉบับนี้
ธนาคารพาณิชย์ที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศประจำปี 2560 1. ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) 2. ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) 3. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน)4. ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน)5. ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน)
ทั้งนี้หลังจากมีประกาศดังกล่าว ได้เกิดความคลุมเครือ และกลายเป็น กระแสวิพากษ์วิจารณ์ผ่านคอมเมนต์ต่างๆ โดยเฉพาะถ้อยความในภาษาทางราชการที่ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ที่ระบุไว้ในประกาศราชกิจจาฯ “มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ” โดยมีหลายคอมเมนต์แสดงความเห็นไปในเชิงลบ ที่อาจเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการใช้ภาษา อาจเพราะด้วยความไม่เข้าใจ และหลายคอมมเมนต์มองย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับกรณีของธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ BBC ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของวิกฤติทางการเงิน หรือ ต้มยำกุ้งที่เคยเกิดขึ้นแล้วในปี 2540 รวมถึงอีกหลายๆ คอมเมนต์อยากให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับ คำที่ระบุไว้ในประกาศดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนซึ่งอาจจะเป็นผลลบต่อเศรษฐกิจไทย

ขณะที่ล่าสุด “พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา” นายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นโดยยืนยันว่า “ธนาคารทั้ง 5 แห่ง มีความมั่นคงมาก เงินสำรองมีมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด แต่สิ่งที่ทำเป็นการปฏิบัติตามหลักสากล คือการออกข้อกำหนดให้มีความเข้มงวดมากขึ้น และไม่อยากให้ไปกังวลว่าธนาคารมีปัญหา หรือมีความเสี่ยงสูง และธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทยมีความเข้มแข็งนับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งมาแล้ว ยืนยันว่าธนาคารพาณิชย์ทั้ง 5 แห่งมีความมั่นคงแข็งแรง โดยกรณีที่เกิดขึ้นในต่างประเทศก็มีการดำเนินการเช่นเดียวกัน ไม่อยากให้ไปเกิดความแตกตื่น และไม่อยากให้ใครไปสร้างความแตกตื่น”
ภาพจากแฟ้มข่าว