อิมแพ็ค ฯ จับมือ ส.อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทย และ เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป เอาใจคนรักสัตว์ จัดใหญ่กิจกรรมส่งท้ายปี ”มหกรรมสัตว์เลี้ยงสุดยิ่งใหญ่แห่งปี SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition “ ภายใต้แนวคิด Pet Lympic ที่จะท้าประลองความแข็งแกร่งของเหล่าสัตว์เลี้ยง ระหว่างวันที่ 5 – 8 ตุลาคม 2566 ณ อาคาร 7-8 อิมแพคเมืองทองธานี
นางสาวกุลวดี จินตวร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่นแมนเนจเม้นท์ จำกัดเปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 5-8 ตุลาคม 2566 นี้บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัดร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทย (TPIA) และ บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด จัดงาน SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition ครั้งที่ 13 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงให้มีโอกาสพบปะผู้บริโภคที่เลี้ยงสัตว์ในรูปแบบการจัดแสดงสินค้าในลักษณะงานวาไรตี้ ครอบคลุมสัตว์เลี้ยงหลายหลายประเภท (Pet Variety) และยังเป็นการเอาใจคนรักสัตว์เลี้ยงด้วยเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพสัตว์เลี้ยงมากขึ้นในทุก ๆ ปี
“ปีนี้เราก็เดินทางมาถึงครั้งที่ 13 แล้ว จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Pet Lympic ที่จะท้ามาประลองความแข็งแกร่งของเหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งด้านสุขภาพและความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ ที่มาร่วมสนุกกันภายในงาน เราอยากเอาใจเหล่า Pet Parent จึงได้จัดกิจกรรมส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่เหมือนเดิม” นางสาวกุลวดีกล่าว
สำหรับการจัดงานภายใต้แนวคิด Pet Lympic ครั้งนี้จะเป็นการท้ามาประลองความแข็งแกร่งของเหล่าบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งทางด้านสุขภาพและความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ ที่จะมาร่วมสนุกกันภายในงาน ตั้งแต่รูปแบบโปรแกรมการแข่งขันระดับ Fun Show การแข่งขันมาหาแม่มา AWARD และ แข่งแมวเลีย หมาเลีย แชมป์เปี้ยนชิพ และไฮไลท์ที่ห้ามพลาดในการแข่งขันศึกในตำนานที่เคยมียอดผู้เข้าชมกว่า 51 ล้านวิวในยูทูป “วิ่งแข่งกระต่ายกับเต่า” ที่จะให้กระต่ายมาล้างแค้นเต่า โดย Pet Influencers
นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันระดับนานาชาติ อาทิ การประกวดตัดขนแมวระดับโลกที่ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในไทย “1st ISFC Grooming Certification & Competition 2023”, การประกวดแมวจากสมาคม SCFC, การแข่งขันพิทบูลลากน้ำหนักชิงแชมป์ประเทศไทย, ประกวดไก่และนกหงส์หยก, ประกวดกุ้งสวยงามชิงแชมป์ , ประกวดแมงมุมทารันทูล่าและอีกมากมาย
ขณะที่ นายนิติพงศ์ เลาหวิศิษฏ์ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทยกล่าวถึงภาพรวมสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยด้วยวิถีชีวิตของคนในสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างเช่น เลี้ยงง่ายไม่ยุ่งยาก พื้นที่อยู่อาศัยที่จำกัด ภาวะสังคมที่ประชากรมีภาวะการเกิดทารกที่น้อยลง เป็นต้น ล้วนส่งผลให้ตลาดสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแมว ซึ่งเป็นกลุ่มสัตว์เลี้ยงที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันสัตว์เลี้ยงที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากที่สุดเป็นอันดับ1 ได้แก่ สุนัข รองลงมาคือแมว และอันดับ 3-5 เป็นสัตว์เอ็กโซติก ตามลำดับ
นายนิติพงศ์ยอมรับว่า ความแตกต่างของตลาดสัตว์เลี้ยงมักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละกลุ่มคนเลี้ยง เช่นนิสัยเจ้าของ พื้นที่ในการเลี้ยง ความชอบส่วนบุคคล และอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลไปยังกลุ่มธุรกิจที่เข้ามาจับตลาดสัตว์เลี้ยงในแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มคนรักสุนัข และแมวก็จะไม่เหมือนกัน โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์และความต้องการของผู้เลี้ยงเป็นหลัก เช่นอาหารสัตว์เลี้ยง ที่คาดว่าเทรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงจะมุ่งไปสู่ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) มากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการสินค้าที่สอดคล้องกับ Lifestyle ซึ่งอาหารสัตว์เลี้ยงทางเลือกเพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมจะมาจากพืช เช่น ถั่ว ข้าวโอ๊ต และเห็ด เป็นต้น หรือ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Pet Friendly Destination) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ในปัจจุบันยังมีความต้องการที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตลาดอาจจะมีการรองรับที่ยังไม่เพียงพอในบางธุรกิจ เนื่องจากส่วนมากคนเลี้ยงสัตว์เป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อเยอะทำให้มีความต้องการสูง เช่น ธุรกิจโรงแรมรับฝากสัตว์เลี้ยง หรือธุรกิจอาบน้ำตัดขนสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและมีอัตราการเจริญเติบโตมากถึง 20% ต่อปี
“การเลี้ยงสัตว์เปรียบเสมือนการดูแลคนในครอบครัว เมื่อตัดสินใจรับเข้ามาเลี้ยงแล้ว ก็ต้องมีความรับผิดชอบที่จะดูแลเขาไปตลอดชีวิต การเลี้ยงตามแฟชั่น หรือการเลี้ยงเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จะนำมาซึ่งปัญหาของสังคมตามมามากมาย”
อุปนายกอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทยกล่าวย้ำ พร้อมแนะปัจจัยพื้นฐาน 3 ข้อสำหรับคนที่สนใจเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ สถานที่เลี้ยง เวลาในการเลี้ยงและค่าใช้จ่ายในการดูแล ทั้ง 3 ปัจจัยนี้จะต้องมีพร้อม ไม่สามารถขาดข้อใดข้อหนึ่งได้ เพราะหากรับมาเลี้ยงแล้ว แต่ไม่สามารถเลี้ยงเขาได้ จะกลายเป็นภาระอันหนักหน่วง
ด้านนางสาวโชษิตา เทียนสว่าง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัดกล่าวถึงผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงว่าจะแบ่งออกตามหมวดหมู่ความต้องการของสัตว์เลี้ยงแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัข แมว นก สัตว์ฟันแทะ ปลาสวยงาม ปลาคาร์พ หรือแม้กระทั่งม้า โดยบริษัทฯ ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมามากมายเพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของสัตว์เลี้ยง โดยจะแยกผลิตภัณฑ์ออกเป็นกลุ่มอย่างชัดเจน เช่นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแมว กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารนกและสัตว์ปีก เป็นต้น
“สำหรับกิจกรรมภายในงาน ทางบริษัทฯ ได้จัดบูธถึง 3 บูธ ในส่วนของน้องแมวนั้น จะมีกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ คือ การประกวด “แมวสวยตาใส ขวัญใจมีโอ” ซึ่งถือว่าเป็นการประกวดเดียวที่ไม่คำนึงถึงสายพันธุ์ ขอเพียงแค่น้องแมวนั้นมีสุขภาพที่ดี ได้รับการดูแลที่ดี ขนสวย ตาใส ถูกใจมีโอและผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลชนะเลิศถึง 7,000 บาทพร้อมผลิตภัณฑ์จากมีโอ นอกจากนั้นยังมีรางวัลใหม่ สำหรับท่านใดที่มีแมวสูงวัย 7+ ขึ้นไป ก็จะมีรางวัลพิเศษให้อีก 3,000 บาทในกรณีที่มีน้องแมวอายุ 7+ มาเกิน 3 ตัว “
นางสาวกุลวดี จินตวร กล่าวเชิญเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงและกลุ่มคนรักสัตว์มาเที่ยวชมงานและร่วมกิจกรรมภายในงาน จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 5 – 8 ตุลาคม 2566 ณ อาคาร 7 – 8 อิมแพคเมืองทองธานี โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 150,000 คน สามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 60 ล้านบาทตลอดทั้ง 4 วัน บัตรเข้าชมงาน 20 บาท (สัตว์เลี้ยงและเด็กสูงต่ำกว่า 120 ซม.เข้าฟรี) โดยบริจาครายได้ส่วนหนึ่งเพื่อการกุศลช่วยเหลือคนสัตว์พิการ
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามความเคลื่อนไหวของงานผ่าน www.pet-variety.com หรือ facebook.com/PetVariety หรือ LINE Official : @Petvariety