“พิธา”นำ8พรรคร่วมลงนาม MOU ฉบับประวัติศาสตร์เปิดทางตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยประชาชน!!

หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทัพ 8 พรรคร่วมลงนาม MOU เดินหน้าสู่การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยประชาชน กรุยทาง “พิธา” สู่เก้าอี้นายกฯ 

Advertisement

พรรคก้าวไกล และแกนนำ 8 พรรค ร่วมรัฐบาล เปิดแถลงข่าวพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ กทม. โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ สะท้อนความสำเร็จสังคมไทย สามารถเปลี่ยนผ่านระบบประชาธิปไตย เปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสันติ สำหรับบันทึกข้อตกลงนี้ เป็นการรวบรวมวาระร่วม ที่เราเห็นตรงกันและพร้อมผลักดันผ่านกลไก รัฐบาลและรัฐสภา เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพรรครัฐบาล ซึ่งใน MOU ดังกล่าวมีรายละเอียดโดยสรุปละเอียดดังนี้

1.ฟื้นฟูประชาธิปไตย ทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เร็วที่สุด
2.ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม
3.ผลักดันปฏิรูประบบราชการตำรวจทหาร
4.เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ เป็นสมัครใจ
5.สร้างสันติภาพยั่งยืนภาคใต้
6.ผลักดันการกระจายอำนาจ
7.แก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น
8.ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดเหลื่อมล้ำ
9.ยกเครื่องกฎหมายการทำมาหากิน หนุนสินค้าไทยให้เข้มแข็ง
10.ยกเลิกผูกขาดการค้า ส่งเสริมแข่งขันการค้าเป็นธรรม เช่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
11.ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ กระจายถือครองที่ดินเป็นธรรม ทบทวนคดีจากนโยบายทวงคืนผืนป่า
12.ปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า
13.ทำงบประมาณแบบใหม่
14.สร้างระบบสวัสดิการตั้งแต่แรกเกิดถึงผู้สูงวัย
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
15.แก้ไขปัญหายาเสพติดเร่งด่วน
16.นำกัญชาไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ
17.ส่งเสริมเกษตรปศุสัตว์ปลอดภัย
18.แก้ไขกฎหมายประมง ขจัดอุปสรรค
19.ยกระดับจ้างงานเป็นธรรม ค่าแรงเป็นธรรม
20.ยกระดับระบบสาธารณสุข
21.ปฏิรูประบบการศึกษา
22.สร้างความร่วมมือแก้ปัญหาฝุ่นพิษ
23.ฟื้นฟูบทบาทผู้นำของไทยในอาเซียนและเวทีระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ทุกพรรคเห็นพ้องกันว่าจะร่วมกันบริหารประเทศด้วยแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้
1. ทุกพรรคจะคุ้มครองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประชาชนทุกคน
2. ทุกพรรคจะทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริต หากมีบุคคลของพรรคใดมีพฤติกรรมทุจริต คอร์รัปชัน ทุกพรรคจะยุติการดำรงตำแหน่งของบุคคลนั้น ๆ ทันที
3. ทุกพรรคจะทำงานโดยให้เกียรติซึ่งกันและกัน จริงใจต่อกัน สนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง มากกว่าผลประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่ง
4. ทุกพรรคมีสิทธิในการผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงร่วมฉบับนี้โดยอาศัยอำนาจฝ่ายบริหารของรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของแต่ละพรรคการเมือง
5. ทุกพรรคมีสิทธิในการผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงร่วมฉบับนี้โดยอาศัยอำนาจนิติบัญญัติของผู้แทนราษฎรที่สังกัดแต่ละพรรคการเมือง