เส้นทางสายไหม (ใหม่) จากภูมิปัญญาไทยโบราณ สู่ การพลิกฟื้นศก.-คุณภาพชีวิตชุมชนเกษตรกรไทย โดยกรมหม่อนไหม ในสองโครงการตามพระราชดำริ “ส่งเสริมงานศิลปาชีพเชิงรุก-ฟาร์มตัวอย่างต้านภัย Covid – 19”
“ไหม” ต้นทางและที่มาของผลิตภัณฑ์แปรรูป ซี่งเป็น สินค้าทรงคุณค่าของไทย ทั้งในเชิง คุณค่า และ ในด้านของ ภูมิปัญญา กำลังจะกลับมามีบทบาทสำคัญ เกี่ยวกับ การขับเคลื่อนแนวทางของ “ไหม” เพื่อไปสร้างเศรษฐกิจฐานราก เป็นหนึ่งในแนวคิดของการพลิกฟื้นวิถีชุมชน และวิถีเกษตรกรรมไทย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด -19 ซึ่งเป็นปัจจัยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของคนไทย ชุมชน และภาคเกษตรไทยและยังเป็น โครงการเพื่อสนองงานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระราชวงศ์ทุกพระองค์

“นายสันติ กลึงกลางดอน” รองอธิบดีกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึง เส้นทางของ “ไหม” และการดำเนินการตามโครงการฯ ว่า “เรื่องของไหม และผลิตภัณฑ์จากไหม อยู่คู่กับสังคมไทย มาตั้งแต่สมัยโบราณ เริ่มต้นจากในดินแดนแถบสุวรรณภูมิ เป็นเกษตรพื้นบ้าน เป็นสินค้าพื้นถิ่น ประวัติศาสตร์ของไทยไหมก็มีมาตั้งแต่ช่วงสุโขทัย เป็นพืชเศรษฐกิจ เป็นภูมิปัญญาที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ ภาคการเกษตรและชุมชนของไทยมายาวนาน
ต่อมาในช่วงรัชกาลที่ 5 ก็มีแนวคิดที่จะสืบทอดภูมิปัญญาไทยโบราณ โดยมีการปฏิรูปการเลี้ยงไหม และการผลิตไหม โดยสร้างเป็นสถาบันการศึกษา โรงเรียนช่างไหม ที่ถนนศาลาแดง ถือได้ว่า เป็นการปฏิรูปการนำไหมมาเป็นพืชเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ และในสมัยรัชกาลที่ 9 เรื่องของไหมจึงกลับมาได้รับการส่งเสริมพัฒนาอีกครั้ง โดยสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติติ์ พระบรมราชินีนาถ (ในสมัยนั้น) พระองค์ท่านทอดพระเนตรเห็นวิถีชีวิตชุมชน เกษตรกร และ เรื่องของไหม จึงได้มีพระราชดำริ ก่อตั้งเป็นศูนย์ศิลปาชีพ ในช่วงราวปี 2519 ซึ่งนับเป็นช่วงยุคทองของไหมไทย จนถึงวันนี้ไหม ไม่เพียงเป็นเรื่องของเสื้อผ้าอาภาภรณ์ เครื่องนุ่งห่มเท่านั้น แต่ยังถูกแปรรูปในภาคอุตสาหกรรม ไปเป็นเครื่องมือแพทย์ เป็นเครื่องสำอางค์ เป็นเวชภัณฑ์ และยังแปรรูปรวมถึงพัฒนาต่อยอดไปเป็นสินค้าได้อีกหลากหลายในอนาคต
สำหรับบทบาทของกรมหม่อนไหม จุดเริ่มต้นมาจากงานในส่วนนี้ของกระทรวงฯ และตั้งเป็นสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติฯ ช่วงปี 2548 และต่อเนื่องมาปี 2552 ยกระดับจากสถาบันมาเป็นกรมฯ และดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีภารกิจหลักๆ คือการต่อยอดสืบสานงานจากมูลนิธิศิลปาชีพฯ จนมาถึงโครงการสนับสนุนต่างๆ ที่ล่าสุด กรมมีโครงการ ส่งเสริมงานศิลปาชีพเชิงรุก ซึ่งมีทั้งหมด จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์ศิลปาชีพหม่อนไหมบ้านห้วยเดื่อ อ.เมือง จ. แม่ฮ่องสอน (ศมม.เชียงใหม่) กิจกรรมส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแบบครบวงจรศูนย์ศิลปาชีพ บ้านกุดนาขาม อ.เจริญศิลป์ จ. สกลนคร (ศมม.สกลนคร)จัดทำจุดเรียนรู้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมครบวงจรจัดทำจุดเรียนรู้เรื่องการผลิตครามโครงการส่งเสริมศิลปาชีพทุ่งกะมัง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ (ศมม.ชัยภูมิ) กิจกรรมการผลิตผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานลายเอกลักษณ์หมี่คั่นขอนารีย้อมสีธรรมชาติ
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพอีสานใต้ จังหวัดสุรินทร์ (ศมม.สุรินทร์)กิจกรรมศูนย์เรียนรู้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแบบครบวงจรโครงการศิลปาชีพศึกษาพัฒนาไหมไทยพื้นบ้าน ไหมดาหลา และแมลงทับ จ.สระแก้ว (หน่วยส่งเสริมหม่อนไหมสระแก้ว)จัดทำจุดเรียนรู้การเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านจัดทำจุดเรียนรู้การเลี้ยงไหมดาหลาจัดทำจุดเรียนรู้การเลี้ยงแมลงทับจัดทำแปลงเรียนรู้การเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช (หน่วยส่งเสริมหม่อนไหมตรัง)กิจกรรมส่งเสริมการทอผ้าประจำถิ่น
โดยในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ก็ยังมีส่วนจิตอาสา ซึ่งเป็นโครงการของในหลวง ร.10 เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นแนวทางมาจากการพัฒนาต่อยอดแนวทาง “เศรษฐกิจพอเพียง” จากสมัยของในหลวง ร.9 ในโครงการฟาร์มตัวอย่าง ดำเนินการโดย ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.) ได้จัดทำโครงการฟาร์มตัวอย่างต้านภัย Covid – 19 โดยมอบหมายให้จิตอาสา 904 ดำเนินการสำรวจโครงการฟาร์มตัวอย่างตามแนวพระราชดำริเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนรายได้ของประชาชนกำหนดเป้าหมาย จำนวน 30 แห่ง ทั่วประเทศ กรมหม่อนไหมจึงได้จัดทำโครงการสนับสนุนกิจกรรมด้านหม่อนไหมภายใต้ โครงการฟาร์มตัวอย่างต้านภัย Covid – 19 ในพื้นที่ 17 จังหวัด ซึ่งรับผิดชอบโดยศูนย์หม่อนไหมฯ จำนวน 7 ศูนย์ และหน่วยส่งเสริมหม่อนไหม จำนวน 1 หน่วย โดยดำเนินกิจกรรม 1.สนับสนุนต้นหม่อนพันธุ์ดี (หม่อนใบและหม่อนผล) สำหรับใช้เป็นอาหารสัตว์ และการแปรรูป 2. สนับสนุนวัสดุบำรุงต้นหม่อน 3. สาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากหม่อน (การทำน้ำหม่อน, การทำแยมหม่อน) 4. จัดทำแปลงสาธิตการปลูกไม้ผลยืนต้น เพื่อเป็นแปลงสาธิตการให้ความรู้เรื่องการปลูกหม่อนสร้างอาชีพ และ5. จ้างเหมาแรงงานจ้างเหมาขุดล้อมต้นหม่อนขนาดใหญ่ทำแปลงสาธิต” รองอธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าว
และทั้งหมดนี้ คือภาพรวม ภารกิจ พันธกิจ ของกรมหม่อนไหม กับการ สร้างแนวทางการฟื้นเศรษฐกิจชุมชน และภาคการเกษตรของไทย ผ่านโครงการพระราชดำริ ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ผ่านโครงการต่างๆ ในการพลิกฟื้นคุณภาพชีวิต วิถีความเป็นอยู่ของชุมชน และเกษตรกรไทย รวมทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต